จากกรณีโลกออนไลน์แชร์ภาพรถเก๋งถูกพ่นสีสเปรย์เป็นคำหยาบรอบตัวรถ ทางเพจหนึ่งระบุว่า คนทำคือหนุ่มและกิ๊ก ที่ไม่พอใจอดีตแฟนสาวโพสต์ต่อว่าทวงเงินหลังเลิกลากัน โดยอดีตแฟนสาวโพสต์เนื่องจากจับได้ว่าหนุ่มคนก่อเหตุคบซ้อนแอบมีกิ๊ก ทั้งนี้สาวผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองพิษณุโลก ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงปลายปีที่ผ่านมา

ล่าสุดวันที่ 21 เม.ย. น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 30 ปี เผยว่า ถูก น.ส.บี (นามสมมติ) คู่กรณีโพสต์ข้อความในเพจระบุว่า เคยเป็นกิ๊กกับแฟนหนุ่มของตน เรื่องราวที่ น.ส.บี นำไปโพสต์ลงในเพจดังกล่าวนั้นไม่เป็นความจริง ขณะที่ตนคบหากับ นายแม็ก ที่เคยเป็นแฟนเก่าของ น.ส.บี เพราะไม่ทราบมาก่อนว่าตนคบซ้อน

เนื่องจาก นายแม็ก บอกไม่มีแฟนและเลิกรากันไปนานแล้ว สุดท้ายตนคบกับนายแม็กได้ประมาณ 2 เดือน จึงมาทราบว่าถูกหลอก และจับได้ว่ายังคบกับ น.ส.บี อยู่ จนสุดท้ายต้องบอกเลิกทางใครทางมัน

น.ส.เอ กล่าวต่อว่า ส่วนประเด็นที่ น.ส.บี กล่าวหาตนว่าบุกไปพ่นสีสเปรย์ใส่รถยนต์เก๋งนั้น ตนยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้น และไม่รู้เห็นด้วย ในวันเกิดเหตุ นายแม็ก หายออกจากบ้าน ส่วนตนนอนหลับอยู่ จน นายแม็ก กลับมาจึงถามว่าไปไหน แต่เขาตอบว่าออกไปดูทีวีข้างนอกบ้าน พอเค้นถามความจริงสุดท้ายทราบว่าเป็นคนไปพ่นสีสเปรย์ใส่รถของ น.ส.บี

ทำให้คู่กรณีไปเข้าแจ้งความเอาไว้ที่ สภ.เมืองพิษณุโลก หลังจากตนได้เลิกกับนายแม็ก ปัจจุบันก็ไปมีครอบครัวใหม่ ส่วน น.ส.บี ก็ไปมีครอบครัวใหม่เช่นกัน ไม่เคยเจอกันเลยสักครั้ง แต่ น.ส.บี ยังปักใจเชื่ออยู่ว่าตนกับ นายแม็ก ไปพ่นสีสเปรย์ใส่รถจนถึงทุกวันนี้ และมีการนำข้อความและรูปภาพไปโพสต์ลงสื่อโซเชียลมีเดีย

ทำให้ตนที่ทำอาชีพเป็นแม่ค้าขายเสื้อผ้าออนไลน์ได้รับความเดือดร้อน และได้รับผลกระทบไปด้วย เนื่องจากมีคนที่เข้าไปอ่านข่าวขุดคุ้ยหาเฟซบุ๊ก ส่วนตัวของตน บางคนก็เข้ามารุมต่อว่าต่างๆ นานา ขณะที่ทำการไลฟ์สดขายเสื้อผ้าอยู่

จนทำให้ค้าขายเสื้อผ้าไม่ได้เลยจนขาดรายได้ เพราะทุกวันนี้เศรษฐกิจก็ไม่ดี แถมมาเจอการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด19 อีก จึงอยากให้ น.ส.บี หยุดโพสต์ข้อความที่ไม่เป็นความจริง ไม่เช่นนั้นตนจะต้องไปดำเนินการแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน