เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 16 ส.ค. ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม พล.ต.ต.อภิศักดิ์ เดชะคำภู ผบก.ภ.จว.มหาสารคาม พร้อมด้วย พ.ต.อ.พานทอง สุวรรณจูฑะ พ.ต.อ.สุรศักดิ์ นาถวิล รอง ผบก.ภ.จว.มหาสารคาม พ.ต.อ.ชัยโรจน์ นาคราช ผกก.สภ.เมืองมหาสารคาม และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม ร่วมกันแถลงจับกุมผู้ต้องหา 3 ราย ประกอบด้วย นายประสงค์ หรัญรัตน์ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 100 ม.13 ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น นายไพฑูรย์ นามสุข อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 158 ม.6 ต.ยางท่าแจ้ง อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม และนายบุญตา ชัยสุนทร อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 31 ซอย 3/1 ถ.ริมคลองสมถวิล ต.ตลาด อ.เมือง จ.มหาสารคาม โดยแจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันลักทรัพย์ในเคหสถานโดยเข้าทางช่องทางซึ่งมิได้จำนงให้เป็นทางเข้าคนเข้าฯ หรือทำลายสิ่งกัดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือรับของโจร ซึ่งบ้านที่ผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย เข้าไปลักทรัพย์ เป็นบ้านของนายอิทธิพล ปริญญาเสวี สามีของนางวาสนา สิทธิเวช อดีตดาราดังนางเอกหนังเรื่อง ครูบ้านนอก เมื่อเกือบ 40 ปีก่อน
พล.ต.ต.อภิศักดิ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 8 ส.ค.ที่ผ่านมา นายอิทธิพล เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพ.ต.ท.สมพงษ์ อุดมเดช พนักงานสอบสวนฯ สภ.เมืองมหาสารคาม ว่าถูกคนร้ายไม่ทราบจำนวนเข้าไปก่อเหตุลักทรัพย์ภายในบ้าน ทรัพย์สินที่ได้ไปส่วนใหญ่เป็นพระพุทธรูปบูชา พระเครื่อง กล้องถ่ายรูป และกล้องถ่ายวีดีโอ รวมประมาณ 20 รายการ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงลงพื้นที่หาเบาะแสคนร้าย จนทราบตำหนิและรูปพรรณจึงออกติดตามจับกุม
กระทั่งพบนายประสงค์ เดินถือกระเป๋าแบบสะพายข้างอยู่บริเวณถ.มหาชัยดำริห์ ซ.10 ต.ตลาด เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวขอตรวจค้น พบกล้องถ่ายรูปและกล้องถ่ายวีดีโอตรงตามที่ผู้เสียหายแจ้งความ จึงนำตัวมาสอบสวนที่สภ.เมืองมหาสารคาม จากนั้นขยายผลติดตามจับกุมตัวนายไพฑูรย์ และนายบุญเติม โดยทรัพย์สินที่ได้ส่วนใหญ่เป็นพระเครื่อง พระบูชา โดยนำไปจำหน่ายที่แผงพระหลังวัดนาควิชัย ต.ตลาด อ.เมือง เจ้าหน้าที่จึงติดตามของกลางกลับคืนมาให้ผู้เสียหาย
ด้าน นายอิทธิพล กล่าวว่า ปกติที่บ้านหลังดังกล่าวในช่วงกลางวันจะไม่มีคนอยู่ จะมีแม่บ้านที่จ้างไว้มาทำความสะอาดให้ ซึ่งคนร้ายกลุ่มนี้คนในหมู่บ้านเห็นว่ามาป้วนเปี้ยน วางไซดักปลา แหย่ไข่มดแดงอยู่เป็นประจำ คงทราบความเคลื่อนไหวว่าที่บ้านไม่มีคนอยู่ จึงอาศัยจังหวะเข้าลักทรัพย์ในบ้าน ทรัพย์สินที่ได้ส่วนใหญ่ เป็นพระเครื่องที่มีราคาแพง เช่น พระกริ่ง พระเครื่องหลวงปู่แหวน หลวงปู่ฝั้น พระเกจิอีกหลายองค์ และที่สำคัญคือ พระเบญจภาคีชุดเล็ก อีก 2 ชุด มูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท ส่วนพระที่เจ้าหน้าที่สามารถติดตามคืนมาได้ เป็นพระเครื่อง พระบูชา ที่ไม่ค่อยมีราคามากนัก แต่ก็ถือว่ายังดีที่ได้คืนมา จากนี้ไปพระเครื่องที่ยังหลงเหลืออยู่ในบ้านตนก็จะเก็บกลับไปไว้บ้านที่กรุงเทพฯ เพื่อป้องกันเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้นอีก
