วันที่ 17 ต.ค. นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำขอนแก่นขึ้นเฮลิคอปเตอร์ตำรวจตระเวนชายแดน บินสำรวจสถานการณ์น้ำในพื้นที่เหนือเขื่อนและท้ายเขื่อนอุบลรัตน์ ตั้งแต่ อ.ชุมแพ ผ่าน อ.หนองเรือ ต่อด้วนพื้นที่บริเวณโดยรอบเขื่อนอุบลรัตน์ และท้ายเขื่อน ผ่านพื้นที่อ.อุบลรัตน์, อ.น้ำพอง, อ.เมืองขอนแก่น รวมถึงบริเวณประตูระบายน้ำ จ.มหาสารคาม โดยพบว่าปริมาณน้ำที่ระบายจากเขื่อนอุบลรัตน์ ได้เอ่อท่วมบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรของพื้นที่ท้ายเขื่อน โดยเฉพาะที่บ้านท่ากระเสริม กระแสน้ำได้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนของประชาชนกว่า 300 ครัวเรือน ขณะที่มวลน้ำได้ไหลจากแม่น้ำพองลงสู่แม่น้ำชี ทำให้บริเวณประตูระบายน้ำมหาสารคาม ช่วงรอยต่อระหว่างแม่น้ำพองกับแม่น้ำชีมีปริมาณมากเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่อย่างต่อเนื่องเช่นกัน

ซึ่งคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำต้องประเมินสถานการณ์แบบวันต่อวัน เพื่อบริหารจัดการน้ำให้กระทบกับประชาชนน้อยที่สุด สำหรับวันนี้เขื่อนอุบลรัตน์มีปริมาณน้ำกักเก็บอยู่ที่ 2,878. ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 118.38 ของความจุอ่าง มีปริมาณน้ำไหลเข้าประมาณ 55.71 ล้าน ลบ.ม.

ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ประมง จ.ขอนแก่น และชุดตรวจการประมงน้ำจืดเขื่อนอุบลรัตน์ ได้นำเครื่องปั่นไฟขนาด 220 โวลต์ และเรือเร็วตรวจการณ์ มาทำการใช้ไฟชอร์ตจระเข้ที่มีชาวบ้านพบเห็นอยู่บริเวณบ่อน้ำติดกับลำห้วยพระคือ บ้านแอวมอง ต.พระลับ อ.เมือง จ.ขอนแก่น ซึ่งคาดว่าจรเข้ตัวดังกล่าวลอยมากับกระแสน้ำจากสถานการณ์น้ำท่วมในขณะนี้ โดยเจ้าหน้าที่เริ่มปฏิบัติงานตั้งช่วงเช้าที่ผ่านมาจนกระทั่งช่วงเย็น จึงสามารถจับจระเข้ได้ หลังพยายามตามจับกันมานานกว่า 3 วัน

นายปรีชา งอกนาวัน หัวหน้าชุดตรวจการณ์ประมงน้ำจืดเขื่อนอุบลรัตน์ กล่าวว่า พื้นที่ที่จับจระเข้ได้นั้นเป็นหนองน้ำลึกและเป็นป่ารก ต้องถางป่าและรื้อผักตบชวาออกก่อนจึงสามารถปฏิบัติงานได้ ซึ่งจากนี้ไปก็จะนำตัวจระเข้ไปไว้ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจังหวัดขอนแก่น เพราะตามกฎหมายถือว่าจระเข้ตัวนี้ต้องตกเป็นของแผ่นดิน

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน