ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการช่วยเหลือช้างป่าสีดอไม่มีงา อายุประมาณ 12-15 ปี น้ำหนัก 3 ตัน ถูกน้ำป่าพัดลงจากเขตอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง มาติดในคลองชมพู บ้านชมภู ม.3 ต.ชมพู อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก ห่างจากเขตอุทยานประมาณ 1 กิโลเมตร เมื่อวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา และเจ้าหน้าที่สามารถช่วยเหลือขึ้นมาบนฝั่งได้เมื่อวันที่ 18 ต.ค.

วันที่ 19 ต.ค. นสพ.ทวีโภค อังควานิช สัตวแพทย์ประจำโรงพยาบาลช้าง ศูนย์คชบาลแห่งชาติ จ.ลำปาง ให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ และชาวบ้านในพื้นที่ช่วยกันนำช้างขึ้นมาจากน้ำ โดยลากไปไว้ที่ริมตลิ่ง ทีมสัตวแพทย์ให้ยาลดปวด ลดอักเสบ และใช้เชือกยึดโยงเพื่อให้ช้างพยายามยืน เพราะหากปล่อยให้นอนนานตะแคงนานๆอาจจะมีปัญหาเรื่องระบบหายใจ และระบบหมุนเวียนโลหิต ซึ่งขณะนี้ได้ใช้รถแบ็คโฮ 2 คัน ใช้เชือกพยุงในช่วงต้นขาหน้าและหลังของช้างป่า และให้ช้างป่าค่อยๆ เดินไปจนถึงรถบรรทุกที่สถาบันคชบาลแห่งชาติได้เตรียมไว้ แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ ช้างไม่ยอมใช้ขาหลังเลย เข้าใจว่าน่าจะมีอาการเจ็บปวด

นสพ.ทวีโชค กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ทีมสัตวแพทย์ยังไม่สามารถบอกอาการเจ็บป่วยของช้างได้อย่างละเอียด เพราะในพื้นที่ไม่มีเครื่องมือตรวจ แต่หากประเมินตามอาการขาน่าจะหัก ข้อสะโพกอาจจะหลุด และระบบประสาทมีปัญหา ซึ่งอาจโดนอะไรที่อยู่ในน้ำกระแทก ขณะนี้ทีมสัตวแพทย์ต้องประเมินอาการกันชั่วโมงต่อชั่วโมง เพราะช้างป่ามีอาการเครียด ไม่คุ้นเคยกับการเห็นคนเยอะๆ ซึ่งการจะเข้าไปฉีดยาหรือให้อาหารต้องระมัดระวัง เพราะช้างป่าอาจอาละวาดได้ทุกเมื่อ ส่วนการนำช้างป่าไปรักษาที่โรงพยาบาลช้าง จ.ลำปาง อาจต้องใช้เวลา 6 – 7 ชั่วโมง และอาจต้องวางยาสลบ ซึ่งทีมสัตวแพทย์จะดูแลอย่างใกล้ชิด

ด้าน นายบุญสืบ เผือกอ่อน ชาวบ้านเครือข่ายอนุรักษ์ลุ่มน้ำชมภู กล่าวว่า ชาวบ้านทุกคนรู้สึกดีใจที่ทุกฝ่ายให้ความร่วมมือร่วมใจจนช่วยเหลือช้างป่าได้สำเร็จ แม้ช่วงที่ขึ้นจากน้ำใหม่ๆ ช้างจะมีอาการวิกฤติ แต่เมื่อสัตวแพทย์ให้น้ำเกลือและยาบำรุงก็มีอาการดีขึ้นมาจนสามารถเริ่มกินอาหารได้ คาดว่าจะมีการนำตัวช้างไปรักษาต่อที่ลำปางภายในวันนี้ ซึ่งต้องขอขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ทำงานกันอย่างเต็มที่ และชาวบ้านที่ให้การสนับสนุนการช่วยเหลือ รวมถึงประชาชนนอกพื้นที่ที่ทราบข่าวแล้วส่งรถบรรทุกและรถแบ็กโฮมาช่วยช้างในครั้งนี้

“เราในฐานะชาวบ้านขอตั้งชื่อช้างตัวนี้ว่า ‘พลายชมภู’ เพราะมันพลัดหลงมากับน้ำป่า อยากให้เป็นเกียรติกับผืนป่าลุ่มน้ำคลองชมภู ที่ยังมีความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ในป่าชาวบ้านยังพบโขลงช้างอยู่บ่อยครั้ง โขลงขนาดใหญ่ 10-25 ตัว และมีหลายโขลง ส่วนจระเข้ช่วงนี้ก็พบตัวบ่อย อย่างตัวที่เคยนำไปตรวจดีเอ็นเอแล้วปล่อยคืนธรรมชาติก็ยังเจออยู่ที่วังน้ำเดิมของมัน ก็อยากให้ช่วยกันรักษาเอาไว้ เพราะป่าฝั่งอื่นก็ไม่มีสัตว์เหลือเหมือนบ้านเรา อย่างเขาค้อก็ไม่มีช้างแล้ว จะมีก็แต่แถบป่าบ้านเรา” นายบุญสืบ กล่าว

นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าวว่า ตนมีความเป็นห่วงและติดตามการให้ความช่วยเหลือช้างอยู่ตลอด พร้อมทั้งสั่งการให้เคลื่อนย้ายได้ตามความเห็นของสัตวแพทย์ ซึ่งมีทีมสัตวแพทย์จากกรมอุทยานฯ และศูนย์อนุรักษ์ช้าง จ.ลำปางอยู่ในพื้นที่ และประเมินสุขภาพช้างว่าขณะนี้สามารถเคลื่อนย้านไปที่สถาบันคชบาลแห่งชาติ จ.ลำปางได้ โดยอยู่ในขั้นตอนการเคลื่อนย้าย คงต้องใช้เวลาซักระยะ เนื่องจากช้างมีขนาดใหญ่ ประกอบกับสภาพื้นที่เป็นดินโคลนที่เดินทางลำบาก

ต่อมาเวลา 17.30 น. ช้างป่าตัวดังกล่าว เดินขึ้นรถบรรทุกที่สถาบันคชบาลแห่งชาติได้เตรียมไว้สำเร็จ โดยมีรถแบกโฮช่วยพยุง หลังต้องใช้เวลานานกว่า 6 ชั่วโมง ในการพยายามเดินมาขึ้นรถ เนื่องจากขาของช้างบาดเจ็บ ทำให้เคลื่อนที่ได้ช้า โดยเจ้าหน้าที่ทีมสัตวแพทย์คอยฉีดยากระตุ้น นำน้ำ และอาหารมาให้ ท่ามกลางความดีใจของชาวบ้านที่มาให้คอยให้กำลังใจการช่วยเหลือช้างป่าของเจ้าหน้าที่ตลอดทั้งวัน

อนึ่ง ก่อนหน้านี้พื้นที่ลุ่มน้ำคลองชมภู ที่มีต้นน้ำอยู่มาจากอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง กรมชลประทานมีแผนการสร้างเขื่อนคลองชมพู ตามแผนการพัฒนาลุ่มน้ำ โดยมีความพยายามผลักดันโครงการหลายครั้ง แต่ถูกกระแสคัดค้านจากชาวบ้านในพื้นที่และกลุ่มนักอนุรักษ์ จึงทำให้โครงการถูกยกเลิก เนื่องจากพบว่าเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของจระเข้น้ำจืดธรรมชาติที่หลงเหลืออยู่เพียงไม่กี่แห่ง

ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ก Wirat Mathamma

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน