วันที่ 24 ต.ค. กรณีวิวาห์ล่ม โดยเกิดเหตุเจ้าบ่าวไม่เดินทางมาร่วมพิธีแต่งงาน ที่บ้านเจ้าสาว บริเวณบ้านเขาดิน ต.ย่านรี อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ซึ่งทางญาติฝ่ายเจ้าสาวได้ผิดสังเกตเมื่อพบว่าช่วงเช้าที่ผ่านมาทางฝ่ายเจ้าบ่าวไม่มีแม้แต่ขบวนขันหมาก โดยน.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 24 ปี เจ้าสาวเปิดเผยทั้งน้ำตา ได้ตกลงแต่งงานกับนายบุญยัง (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี ซึ่งนัดหมายให้มีพิธีการในวันที่ 22 ต.ค. แต่พอถึงเวลากลับไม่พบว่าเจ้าบ่าวเดินทางมาร่วมงานแต่อย่างใด เมื่อติดต่อไปทางฝ่ายเจ้าบ่าวในช่วงเช้าได้รับแจ้งว่ากำลังเดินทางมา แต่ผ่านไปหลายชั่วโมงก็ไม่สามารถติดต่อได้

เมื่อไปที่บ้านพบว่าบ้านเจ้าบ่าวไม่มีใครอยู่ ก่อนหน้านี้เจ้าบ่าวและญาติ ยังมาช่วยจัดเตรียมงานก่อนถึงวันแต่ง และระบุว่าจะกลับไปเตรียมขบวนขันหมากในช่วงเช้า แต่พอถึงเวลากลับไร้วี่แวว จากนั้นทราบว่าฝ่ายเจ้าบ่าวไม่มีเงินค่าสินสอด ตกลงกันไว้ที่ 2 แสนบาท ทองคำ 5 บาท โดยอ้างว่าเศรษฐกิจไม่ดี หาค่าสินสอดไม่ทัน และฝ่ายชายยังไลน์ทางโทรศัพท์มาต่อว่าฝ่ายหญิงมีคนอื่น จึงแน่ใจว่าถูกหลอก ล่าสุดฝ่ายหญิงได้กลับไปห้องเช่าที่ จ.สมุทรปราการขนของกลับมาอยู่บ้านหลังจากลาออกจากโรงงานตามที่เสนอไปแล้วนั้น

ที่บ้านพักของฝ่ายหญิงในหมู่บ้านเขาดิน หมู่ 12 ต.ย่านรี อ.กบินทร์บุรี พบแม่พร้อมญาติพี่น้องรวม 7 คน ยังคอยเฝ้าดูแลปลอบใจอดีตเจ้าสาวอย่างห่วงใย โดยอดีตเจ้าสาวยังมีสีหน้าอยู่ในอาการเศร้าซึมอยู่ตลอด พร้อมกล่าวทั้งน้ำตาว่า “ถูกฝ่ายชายหลอกมายาวนานกว่า 6 ปี ที่รู้จักชอบพอกัน ถึงนาทีสุดท้ายจึงรู้ในวันวิวาห์ที่ฝ่ายชายไม่ยกขันหมากมาตามที่ตกลงกันไว้ ต้องจัดงานตั้งโต๊ะจีนกว่า 40 โต๊ะ รอเก้อท่ามกลางความฉงนสนเท่ห์ของญาติมิตรและแขกที่มาร่วมงาน”

อดีตว่าที่เจ้าสาวเผยอีกว่า ก่อนงานวันแต่งยังพากันไปแจกการ์ดเชิญด้วยกันโดยไม่มีทีท่าว่าจะกลายเป็นวิวาห์ล่ม จนวันสุกดิบ 1 วันยังอยู่ช่วยเตรียมข้าวของ และกลับไปที่บ้าน เพื่อเตรียมยกขันหมากมาแต่งในช่วงเช้า และไม่มาอีกเลย ตนเองได้โทรศัพท์ติดต่อไปจนทราบว่าฝ่ายชายอ้าง ไม่มีเงินค่าสินสอด ตกลงกันไว้ที่ 2 แสนบาท ทองคำ 5 บาท

และยังกล่าวใส่ร้ายทางขอความไลน์มาว่าตนเองมีคนอื่น จึงช้ำใจสุดๆ ตนตัดสินใจจะไม่กลับไปร่วมเส้นทางกับฝ่ายชายอีกแล้ว ล่าสุดฝ่ายชายโทรติดต่อจะพาแม่มาเคลียร์ชดใช้ค่าเสียหายในการจัดงานให้ แต่ทางฝ่ายมารดาและน้าสาวของตยยังไม่ยินยอมจะมอบหมายให้ทนายความเรียกร้อง ตนเองขอมอบให้ทางมารดาและน้าสาวดำเนินการตามที่เห็นสมควร

“สำหรับตนเองก่อนหน้าเคยทำงานเป็นเลขานุการอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ก่อนตัดสินใจลาออกมาทำงานโรงงานที่แห่งเดียวกับฝ่ายชายที่ จ.สมุทราปราการ และล่าสุดลาออกจากโรงงาน โดยตกลงว่าหลังงานแต่งจะพากันไปทำงานสร้างครอบครัวที่ต่างประเทศ” น.ส.เอ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน