จากกรณีนางหน่อย (นามสมมติ) อายุ 40 ปี ออกมาเปิดเผยว่าเหตุการณ์นายพงษ์ (นามสมมติ) อายุ 17 ปีลูกชาย ขี่รถจักรยานยนต์พบชาย 3 คน แต่งกายคล้ายตำรวจ 1 คน อีก 2 คน แต่งกายด้วยชุดลายพราง เรียกตรวจค้นแล้วบอกว่าพบยาบ้า 10 เม็ด ก่อนอ้างเป็นตำรวจสภ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร ติดต่อ นางหน่อยมาร่วมหลับนอนเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกับตัวลูกชาย เมื่อวันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา

ความคืบหน้าคดีนี้ เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. พ.ต.อ.ปรัชญา คงสกุล ผกก.สภ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี เชิญตัวนางหน่อย และนายพงษ์ลูกชายมาให้ปากคำเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมเปิดเผยหลังสอบปากคำทั้งคู่นานกว่า 2 ชั่วโมงกว่า

พ.ต.อ.ปรัชญา กล่าวว่า นายพงษ์ให้การยืนยันว่าถูกคนร้ายจับตัวไปจริง แต่ตำรวจยังมีข้อพิรุธสงสัยในคำให้การหลายประเด็น เนื่องจากนายพงษ์อ้างว่าจดจำเหตุการณ์ไม่ได้ทั้งหมด เพราะระหว่างที่คนร้ายเรียกให้หยุดรถตรวจค้นก่อนยัดยาบ้าให้ มีการนำของบางอย่างมาป้ายที่บริเวณลำคอ ทำให้นายพงษ์มีอาการมึนงงจนจำเหตุการณ์อะไรไม่ค่อยได้ หลังสอบปากคำนางหน่อยแม่และนายพงษ์ลูกชาย เจ้าหน้าที่ก็ได้ให้กลับบ้านไป เพราะในชั้นนี้สองแม่ลูกยังเป็นผู้เสียหาย

“ส่วนการตรวจสอบเฟซบุ๊กที่คนร้ายใช้พูดคุยโต้ตอบกับนางหน่อย พบว่าได้มีการปิดไปแล้ว แต่เจ้าหน้าที่จะได้นำมือถือของนายพงษ์มาตรวจสอบหาจีพีเอสย้อนหลังกลับไปในวันที่ 25 พ.ย. ซึ่งเป็นวันที่นายพงษ์อ้างว่าถูกจับตัวไป เพื่อใช้เป็นพยานหลักฐานยืนยันว่าจุดที่นายพงษ์อยู่ในขณะนั้น อยู่บริเวณใดสอดคล้องกับเหตุการณ์ที่ให้การหรือไม่ เพื่อใช้เป็นข้อมูลสรุปมีเหตุการณ์เกิดขึ้นจริงหรือไม่ หากการสอบสวนได้ผลสรุปเป็นเรื่องจริง ก็เป็นหน้าที่ตำรวจต้องสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี แต่หากไม่ใช่เรื่องจริงผู้ที่กุเรื่องขึ้น ก็จะต้องถูกดำเนินคดีข้อหาให้ร้ายกับจ้าพนักงานหรือให้การเท็จ

พ.ต.อ.ปรัชญา กล่าวด้วยว่า สำหรับขั้นตอนสุดท้ายหากยังไม่สามารถสรุปเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่าจริงหรือเท็จ เพราะระหว่างเกิดเหตุการณ์มีนายพงษ์คนเดียวที่อ้างว่าอยู่กับคนร้าย และยังให้การวกวนเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ก็ต้องทำความจริงให้ปรากฏให้ได้ โดยอาจต้องส่งตัวนายพงษ์เข้าเครื่องจับเท็จของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้ได้ความจริงของเรื่องราวทั้งหมดด้วย

ขณะที่นางหน่อย กับนายพงษ์ กล่าวว่า ขณะนี้รู้สึกไม่ปลอดภัย เนื่องจากมีสื่อบางสำนักมาถ่ายภาพเห็นใบหน้าระหว่างเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนเมื่อค่ำวานนี้ และต้องการบอกกับสังคมว่าที่ออกมาเล่าเรื่องราว เพราะต้องการเตือนภัยให้ผู้ใช้เส้นทางดังกล่าวระวัง ถ้าต้องเจอแบบลูกชาย โดยไม่มีเจตนาจะเอาเรื่องราวกับใคร แต่กลับกลายเป็นเรื่องใหญ่

“มีคนมาวุ่นวายกับชีวิตของคนในครอบครัว ทำให้เกิดความเครียดและกลัวถูกปองร้าย จึงไม่ต้องการให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องมาถ่ายภาพบ้านหรือภาพของคนในครอบครัว และจะให้ข้อมูลนี้เป็นครั้งสุดท้าย สำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการหาความจริงเรื่องนี้อย่างไร ครอบครัวได้ให้ข้อมูลที่เกิดขึ้นไปทั้งหมดแล้ว ก็ให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบเอาเอง เพราะไม่ต้องการไปยุ่งเกี่ยวอะไรอีกแล้ว”

อ่านข่าว สาวแฉแก๊งตร.เก๊จับลูกยัดยาบ้า แช็ทบังคับให้มีเซ็กซ์ด้วยถึงปล่อยตัว

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน