ตามที่ได้เกิดฝนตกหนักในพื้นที่ภาคใต้ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ ในส่วนของจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีพื้นที่ประสบอุทกภัย 16 อำเภอ ราษฎรได้รับผลกระทบ 25,921 ครัวเรือน คิดเป็น 84,638 คน พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหาย 16,850 ไร่

ทั้งนี้ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ขอรับการสนับสนุนเรือผลักดันน้ำจากกองทัพเรือ เพื่อเร่งผลักดันน้ำในแม่น้ำตาปี ให้ไหลลงสู่ทะเลอย่างรวดเร็วอันจะเป็นการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนจากพี่น้องประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี

พล.ร.อ.นริส ประทุมสุวรรณ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.ผ) ในฐานะ ผู้อำนวยการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ ได้สั่งการให้ อู่ทหารเรือพระจุลจอมเกล้า กรมอู่ทหารเรือ เป็นหน่วยดำเนินการ ในการสนับสนุนเรือผลักดันน้ำแก่ทางจังหวัดสุราษฎร์ธานีอย่างเร่งด่วน

โดย วันที่ 8 ธ.ค.60 ที่ผ่านมา พล.ร.ต.วัตรกิจ ยกสวัสดิ์ รองผู้อำนวยการ อู่ทหารเรือพระจุลจอมเกล้า กรมอู่ทหารเรือ เป็นประธานปล่อยรถบรรทุกลำเลียงเรือผลักดันน้ำ จำนวน 30 ลำ พร้อมกำลังพลและอุปกรณ์ จากอู่ทหารเรือพระจุลจอมเกล้า กรมอู่ทหารเรือ ตำบลแหลมฟ้าผ่า อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ ไปให้การสนับสนุนการระบายน้ำ ในพื้นที่จังหวัดสุราษฏร์ธานี

โดยติดตั้งบริเวณสะพานพระจุลจอมเกล้า ฝั่งวัดดอนกะถิน ตำบลท่าข้าม อำเภอพุนพิน จำนวน 20 ลำ และ บริเวณสะพานพุนพิน ตำบลศรีวิชัย อำเภอพุนพิน จำนวน 10 ลำ ซึ่งขบวนรถลำเลียงเรือผลักดันน้ำ ทั้ง 30 ลำ ได้เดินทางเข้าพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์เรียบร้อยแล้วเมื่อช่วงเช้ามืด วันที่ 9 ธ.ค.60 และอยู่ในระหว่างดำเนินการติดตั้ง ซึ่งจะสามารถเดินเครื่องเพื่อทำการผลึกดันน้ำได้ภายในวันนี้

โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2660 ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ โดย อู่ทหารเรือพระจุลจอมเกล้า กรมอู่ทหารเรือ ได้ให้การสนับสนุนจังหวัดเพชรบุรี ในการติดตั้งเรือผลักดันน้ำ จำนวน 30 ลำ ติดตั้งบริเวณ วัดคุ้งตำหนัก อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี

เพื่อดำเนินการผลักดันน้ำ ในแม่น้ำเพชรบุรี ที่เอ่อล้นตลิ่งและทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ในพื้นที่อำเภอบ้านลาด อำเภอเมืองเพชรบุรี และอำเภอบ้านแหลม ซี่งสามารถผลักดันน้ำจนเข้าสู่สภาวะปรกติได้ในเวลาอันรวดเร็ว

นอกจากนั้น ช่วงระหว่างนี้กองทัพเรือได้ให้การสนับสนุนจังหวัดสมุทรสาคร ติดตั้งเรือผลักดันน้ำในแม่น้ำท่าจีน บริเวณวัดใหญ่จอมปราสาท ตำบลท่าจีน (ใต้สะพานข้ามแม่น้ำท่าจีน ถนนพระราม 2) ตำบลท่าจีน อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ลุ่มต่ำเพื่อให้เกษตรกรเพาะปลูกพืชฤดูแล้งได้ทันภายในกลางเดือน ธันวาคม 2560 นี้

ทั้งนี้เป็นไปตามนโยบายของ ผู้บัญชาการทหารเรือ ให้ทุกหน่วยอยู่เคียงข้างประชาชนให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยอย่างเต็มที่ตลอด 24 ชั่วโมง

สำหรับเรือผลักดันน้ำของกองทัพเรือนั้น ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม น้ำหลากมาตั้งแต่ปี 2538 ซึ่งแนวความคิดนี้

ปัจจุบันกรมชลประทานได้นำไปดัดแปลงระบบ เพื่อใช้แก้ไขปัญหาระบบน้ำทั่วประเทศ และจากองค์ความรู้ ในการสร้างเรือผลักดันน้ำ ที่คงมีอยู่ทำให้ กองทัพเรือสร้างเรือผลักดันน้ำขึ้นใหม่เพื่อให้ทันต่อการนำไปใช้ในพื้นที่ประสบอุทกภัย ในปี 2554

ทั้งยังสนองต่อพระราชดำริแนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยการนำอุปกรณ์ เครื่องยนต์ที่มีอยู่เดิมมาผลิตและพัฒนาขึ้นใหม่เป็น 3 ขนาด

คือขนาด 320 แรงม้า ผลักดันน้ำได้ 150,000 ลูกบาศก์เมตร/วัน ขนาด 220 แรงม้า ผลักดันน้ำได้ 100,000 ลูกบาศก์เมตร/วัน และขนาด 120 แรงม้า ผลักดันน้ำได้ 30,000 ลูกบาศก์เมตร/วัน

เรือผลักดันน้ำนับว่าเป็นประโยชน์ต่อการระบายน้ำเป็นอย่างมาก เพราะเป็นการระบายน้ำออกสู่ทะเลได้ครั้งละปริมาณมาก อีกทั้งยังสามารถชะล้างไล่ดินเลนที่ตกตะกอนอยู่ก้นแอ่งให้หมดไป ทำให้น้ำไหลได้สะดวกมากขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่เป็นแอ่ง เป็นบึงและคอขวด เนื่องจากเป็นที่ลุ่มระบายน้ำออกได้ลำบากและไหลได้ไม่เร็ว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน