สำนักพุทธ เมืองกาญจน์ เข้าตรวจสอบวัด จ่อปิดศูนย์บำบัดผู้ติดยา หลังหมอปลา-ทนายดังบุก ขณะที่ชาวบ้านหวั่นปัญหาโควิด เล็งทำประชาคมหมู่บ้านหนุนปิดศูนย์บำบัด

จากกรณี นายไพศาล เรืองฤทธิ์ ทนายความ และ นายจีรพันธ์ แสงขาว หรือ หมอปลา ร้องเรียนให้ตรวจสอบศูนย์สงเคราะห์บำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด ที่วัดท่าพุราษฎร์บำรุง หมู่ 10 ต.ด่านมะขามเตี้ย อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี หลังได้รับการร้องเรียนจากผู้ปกครองของชายรายหนึ่งที่เข้ารับการบำบัดว่า มีการถูกซ้อมทรมาน ให้ทำสัญญาและเรียกเก็บเงิน หากจะออกมาก็ต้องจ่ายเงิน โดยมีผู้บำบัดอยู่กันอย่างแออัดประมาณ 300 คน แต่มีห้องน้ำเพียง 2 ห้อง

โดยมีข้อสงสัยว่า ศูนย์ที่ตั้งขึ้นมาเป็นไปตามหลักเกณฑ์มาตรฐานที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดหรือไม่ ขณะที่ ผู้อำนวยการศูนย์บำบัด เผยว่า พระครูปลัดประสิทธิ์ รตินฺธโร เจ้าอาวาสวัดท่าพุราษฎร์บำรุง ได้มรณภาพลงก่อนที่ทางทีมงานของทนายไพศาล จะเดินทางมาถึงที่วัดเพียง 15 นาที โดยเจ้าอาวาสสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงอยู่แล้ว ประกอบกับเครียดต่อเรื่องราวดังกล่าว จนอาการทรุดลง จนทางลูกศิษย์นำตัวส่งโรงพยาบาล ก่อนจะมรณภาพลงวานนี้

จากนั้น นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้ประสานเจ้าหน้าที่ทหารจากมณฑลทหารบกที่ 17 นำรถทหาร มารับกลุ่มผู้บำบัด ที่อยู่ในเรือนนอนกว่า 200 คน รวมถึงกลุ่มผู้บำบัดที่บวชเป็นพระสงฆ์อยู่ภายในกุฏิอีกหลายสิบคน ไปอยู่ที่ค่ายทหารเป็นการชั่วคราว

ล่าสุดวันที่ 21 ก.ย.2564 นายรณภพ เวียงสิมมา ปลัดจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมด้วย นางสาว เพ็ญศรี กลั่นบุศย์ นายอำเภอด่านมะขามเตี้ย เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งผู้นำท้องถิ่น ได้ลงพื้นที่ไปติดตามการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เบื้องต้นพบว่า กลุ่มผู้เข้ารับการบำบัดที่อยู่ในเรือนนอน และกลุ่มผู้บำบัดที่บวชเป็นพระสงฆ์ รวม 254 คน ในจำนวนนั้นเป็นพระสงฆ์ 33 รูป

ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการขนย้ายทั้งหมด ไปพักรอที่ศูนย์ฝึกนักศึกษาวิชาทหารเขาชนไก่ ต.ลาดหญ้า อ.เมืองกาญจนบุรี เป็นที่เรียบร้อยแล้วตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยในวันนี้มีประเด็นสำคัญที่ทางคณะเจ้าหน้าที่จะต้องร่วมกันพิจารณาในเรื่องของการดำเนินการปิดศูนย์สงเคราะห์บำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดแห่งนี้

นายศิลา นาคหล่อ ผู้ใหญ่บ้าน 10 ต.ด่านมะขามเตี้ย เผยว่า ชาวบ้านเลื่อมใสศรัทธาต่อเจ้าอาวาสวัดแห่งนี้ที่เพิ่งมรณภาพลงเมื่อช่วงบ่ายของวานนี้ แต่ในส่วนของศูนย์บำบัดฯ ชาวบ้านไม่เห็นด้วย โดยระยะหลังมานี้ ทางวัดรับผู้ติดยาเสพติดมาบำบัดจำนวนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งชาวบ้านเกรงว่าจะเกิดปัญหาตามมา โดยเฉพาะเรื่องของโควิด-19

ส่วนเรื่องการทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิตนั้น ตนไม่ทราบ ทราบแต่เพียงว่า ผู้ที่เสียชีวิตเกิดจากสาเหตุของอาการป่วยด้วยโรคหัวใจล้มเหลว และเมื่อเจ้าอาวาสมรณภาพไปแล้ว ประกอบกับประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้น ตนจึงสนับสนุนให้ยุบศูนย์แห่งนี้ แต่หากภาครัฐไม่ดำเนินการปิดศูนย์ ตนก็จะทำประชาคมหมู่บ้าน ซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่กว่า 800 ครัวเรือน เพื่อเสนอปิดศูนย์ฯ ต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบรรยากาศภายในวัดยังคงเหลือกลุ่มผู้บำบัด รวมทั้งผู้ที่บวชเป็นพระสงฆ์ ประมาณ 30 คน ที่ยังคงสมัครใจอยู่วัดต่อ โดยพบว่า ผู้บำบัดได้ช่วยกันจัดเตรียมสถานที่สำหรับบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมศพ พระครูปลัดประสิทธิ์ รตินฺธโร อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าพุราษฎร์บำรุง ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง

ซึ่งภายหลังจากที่มีการเสนอข่าวของศูนย์บำบัดฯ นายสมคิด วรรณโสภณ อายุ 52 ปี ชาวสระบุรี พร้อมภรรยา ได้เดินทางมารับบุตรชายซึ่งอยู่ในกลุ่มผู้บำบัดที่บวชเณร กลับบ้าน พร้อมเผยว่า ตนได้ส่งบุตรชายของตน ซึ่งมีอายุ 25 ปี มาบำบัดที่ศูนย์แห่งนี้ ตั้งแต่วันที่ 20 ต.ค.63 และหลังจากเข้ารับการบำบัดได้ประมาณ 8 เดือน ก็ขอบวชเป็นพระสงฆ์ หากจะปิดศูนย์ฯ แห่งนี้ก็ต้องทบทวน รวมทั้งต้องถามความเห็นพระและคนในพื้นที่ด้วย

ซึ่งตนทำงานด้านพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ การละลายพฤติกรรม และยังเป็นอดีตประธานชมรม To Be Number One สระบุรี จึงขอตั้งคำถามกลับว่า “คุณมีที่รองรับผู้ติดยาเสพติดที่ต้องการเข้ารับการบำบัดที่ดีกว่านี้ไหม?” “หรือจะส่งผู้ติดยาเข้าเรือนจำ ส่งเข้าบำบัด

ตนมองว่าไม่ใช่ทางแก้ปัญหาที่ถูกจุด” เพราะบางคนเพียงแค่หลงผิดชั่วขณะหนึ่ง ซึ่งเขาคือผู้ป่วย จึงควรที่จะให้โอกาสเขา แต่หากปิดศูนย์ฯ นี้ลง ตนตั้งคำถามว่า “สร้างวัด สร้างโบสถ์ สร้างเรือนจำ เรือนจำทำให้คนเป็นคนดีหรือ?” ผู้ที่เกี่ยวข้องจึงควรต้องมองให้ครบทุกมิติ ทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ

ทั้งนี้ตนมองว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ยังมีวัดแห่งนี้ดูแลผู้ป่วยอยู่ คงไม่มีใครอยากส่งบุตรหลานเข้าโรงเรียนวิวัฒน์พลเมือง หรือเข้าเรือนจำ ซึ่งการบำบัดที่ศูนย์ฯ ภายในวัด มีโอกาสที่จะศึกษาธรรมะ พัฒนาขัดเกลาจิตใจ และเจริญก้าวหน้าในเส้นทางนี้ได้

ขณะที่บุตรชายของ นายสมคิด ที่เข้ารับการบำบัดและบวชเป็นพระสงฆ์ เผยว่า ชีวิตความเป็นอยู่ภายในศูนย์บำบัดก็ได้รับการดูแลตามปกติ โดยมีการสวดมนต์ ทำวัด ไม่มีการทรมานตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด จะมีเพียงการลงโทษเช่นเดียวกับนักเรียนที่ทำผิดและโดนทำโทษเท่านั้น

ต่อมา นางนันทิรา ขวัญเมือง ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่ได้เดินทางลงพื้นที่วัดท่าพุราษฎร์บำรุง พร้อมเผยว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้ เนื่องจากเป็นห่วงทางวัด จึงได้ลงมาดูในเบื้องต้น แต่หากจะมีการดำเนินการปิดศูนย์ ก็เชื่อว่าไม่น่าจะส่งผลกระทบอะไรกับวัด ขณะเดียวกันก็ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้งเนื่องจากเจ้าอาวาสเพิ่งจะมรณภาพ ดังนั้นคงต้องขอเวลาตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมดอีกครั้ง จึงยังไม่สามารถให้ข้อมูลในเรื่องใดๆ ได้ในขณะนี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน