วันที่ 10 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านยาง ต.ยาง อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ ว่าภายในที่นาของ นายอนุรักษ์ นึกดี อายุ 49 ปี หรือที่ชาวบ้านยาง เรียกกันว่า “สอ กระดูกผี” และนางเจนจิรา นึกดี อายุ 35 ปี สองสามีภรรยา อยู่บ้านเลขที่ 68 หมู่ 1 บ้านยาง ต.ยาง อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ โดยผืนนาดังกล่าวได้ปลูกพืชแบบผสมผสานตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงตามรอยพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 พบว่ามีปลีกล้วยประหลาด โผล่ขึ้นมาจากใต้ดินและยังมีเครือกล้วยอีกด้วยขึ้นอยู่ใกล้กับต้นกล้วยต้นใหญ่ โดยปลีกล้วยประหลาดมีลักษณะก้านของเครือกล้วยโผล่มาจากพื้นดินโค้งงอเล็กน้อย และเอนลง หัวปลีอยู่ตรงปลาย มีผลกล้วยอยู่สองหวีๆที่หนึ่งมี 3 ลูก หวีที่สองมี 5 ลูก มีความยาวตลอดลำเครือจนสุดปลายปลีกล้วย ประมาณ 50 เซนติเมตร ชาวบ้านบางรายบอกว่า มองดูก็ว่าคล้ายกับดอกบัวตูม บ้างก็ว่าคล้ายกับพญานาค จึงเป็นที่ฮือฮาของผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างยิ่ง บางคนถึงกับนำดอกไม้ธูปเทียนมาจุดกราบไหว้ เพื่อขอพร ขอโชคลาภและเพื่อให้เป็นสิริมงคลกับครอบครัว บางรายต่างพากันตีเป็นเลขเด็ดไปต่างๆ นานา ตามความเชื่อของชาวบ้าน

โดยบริเวณพื้นที่ดังกล่าวเมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา ก็ได้ขุดพบโครงกระดูกมนุษย์โบราณ บรรจุในไหดิน อายุราวๆ 1,500 ปี ตามที่เจ้าหน้าที่กรมศิลปากรได้เข้ามาตรวจสอบ ขณะกำลังขุดดินเพื่อนเตรียมพื้นที่ ส่วนนายอนุรักษ์ หลังจากเป็นผู้พบเห็นกระดูกมนุษย์ยุคโบราณ ก็ได้รับฉายา “สอ กระดูกผี” เป็นที่รู้จักของคนในละแวกนั้น เป็นต้นมา

นายอนุรักษ์ เล่าว่า ในพื้นที่ดินของตนเอง มีพื้นที่จำนวน 5 ไร่ ปรับทำไร่นา แบบพอเพียงตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงตามรอยของพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 ปลูกพืชหลายอย่าง มีกล้วย มะพร้าว มะนาว มะม่วง ขิง ข่า ตะไคร้ ตามร่องน้ำก็เลี้ยงปลา เป็นต้น เมื่อตอนที่พบโครงกระดูกโบราณ ตอนนั้นตนกำลังปรับพื้นที่ เพื่อทำไร่นาสวนผสม และพบโครกระดูกมนุษย์ยุคโบราณ ทางเจ้าหน้าที่กรมศิลปากร ก็ได้นำเอากระดูกไปพิสูจน์ เป็นยุคเหล็ก อายุ 1,500 ปี และเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสุรินทร์ จะเหลือไว้ก็เพียงบางส่วนมีเศษของไห ตนจึงได้ปลูกสร้างศาลเพียงตาไว้ที่สวนตรงนั้นแล้วให้ร่างทรงมาเชิญวิญญาณให้มาอยู่ที่ศาลนี้ โดยให้ชาวบ้านมากราบไหว้ ขอโชค ขอลาภ ก็ว่ากันไป สวนนี้จะอยู่ทางด้านหลังของ อบต.ยาง ไปประมาณ 500 เมตรได้

พอมาวันนี้ก็มาเจอปลีกล้วยโผล่มาจากพื้นดิน ห่างจากต้นกล้วยใหญ่เล็กน้อยสักครึ่งฟุต ส่วนตัวเรียกว่าปลีกล้วยไร้ต้น เพราะมีปลี มีเครือออกมาจากพื้นดิน เป็นกล้วยน้ำว้า โดยเมื่อเช้าวันอังคารที่ผ่านมา ขณะที่ตนกำลังเกี่ยวหญ้าให้วัว พอไปถึงตรงกอกล้วยที่มีหญ้าปกคลุมก็มองเห็นกล้วยขึ้นโพล่เหนือยอดหญ้าดังกล่าว พอชาวบ้านทราบเรื่องก็แห่กันมาดูไม่ขาดสาย ทั้งฝจุดธูปเทียนกราบไหว้ ขอโชคลาภตามความเชื่อของแต่ละบุคคล
หลังจากที่แม่ของตนมาดูปลีกล้วย ตกดึกก็ฝันไปว่า เจ้าจุกอยากได้ดาบแต่ในฝันพูดเป็นภาษาเขมร พอตื่นเช้ามาก็เลยมาเล่าให้ตนฟัง จึงบอกว่าหากอยากได้ดาบต้องให้โชคให้ลาภก่อนค่อยซื้อให้ หลังจากนั้นตนเลยเอาหุ่นกุมารคือเจ้าจุกเอามายืนเฝ้าเครือกล้วยไว้ ของที่ชาวบ้านนำมาไหว้มีทั้ง ดอกไม้ธูปเทียน น้ำเปล่า น้ำแดง และยังทำร่มสะแลน กันแดด ให้กับชาวบ้านที่มาดูอีกด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะเดียวกันมีสิ่งแปลกๆเกิดขึ้นกับชาวบ้านรายหนึ่งชื่อ นางเฉลียว จารัตน์ อายุ 56 ปี เปิดเผยว่า ตนเคยมาดูปลีกล้วยประหลาดแล้วเมื่อวันก่อน พอมาดูอีกทีวันนี้ โดยยืนมองดูห่างๆ จากปลีกล้วย กลับมองเห็นแต่ผู้คนยืนอยู่ที่บริเวณที่พบปลีกล้วยประหลาดจำนวนมาก แต่พอเดินเข้ามาใกล้ๆ กับมีคนยืนดูอยู่แค่คนเดียวเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจ โดยตอนที่นางเฉลียว เล่าให้ทุกคนฟัง ชาวบ้านต่างพากันรู้สึกขนลุกขนชันกันเลยทีเดียว

นอกจากนี้ ขณะที่ชาวบ้านยืนคุยกัน พบว่ามีเด็กคนหนึ่งอายุ 2 ขวบ ได้ร้องไห้ก่อกวนแม่อยู่ตลอดเวลา แม่เลยถามลูกชายว่าเป็นอะไรจะเอาอะไร เด็กก็เลยชี้มือมาตรงน้ำแดงที่ชาวบ้านเอามาไหว้ตอนแรก แม่ของเด็กจึงไม่เอาให้ลูก เพราะเป็นของเซ่นไหว้อยู่ แต่เด็กก็ไม่ยอม พยายามรบเร้าแม่ของตนเอง จนในที่สุดต้องขอลาน้ำแดงจากกุมารหัวจุก เอามาให้เด็ก พอเด็กน้อยได้น้ำแดงกับยกดื่มกิน เหมือนกับหิวน้ำแดงมาก พอกินน้ำแดงแล้วยังบอกอีกว่า จะกินน้ำเปล่านั่นอีก ที่อยู่ในแก้ว จึงต้องขอลากุมารหัวจุก มาให้อีก หลังจากดื่มกินหมด เด็กคนนี้ถึงกับเต้น ทั้งกระโดดวิ่งเล่นเหมือนกับดีใจมากที่ได้กิน ทำเอาชาวบ้านที่นั่งอยู่ตรงนั้นต่าง อึ้งตะลึงไปตามๆ กัน และต่างคิดไปต่างๆ นานาว่าคงจะเป็นเจ้ากุมารหัวจุกมาดลใจให้เด็กอยากกินน้ำดังกล่าว และต่างเชื่อว่ามีความศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างยิ่ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน