วันที่ 12 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากนายประเสริฐ คำมุงคุณ วัย 57 ปี พ่อของนายเดชฤทธิ์ คำมุงคุณ หรือน้องมอส อายุ 24 ปี ซึ่งป่วยเป็นมะเร็งที่เบ้าตาว่าอดีตภรรยาของน้องมอส ยักยอกเงินบริจาคกว่า 9 ล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนนี้เป็นเงินบริจาคของประชาชนทั่วประเทศที่โอนบริจาคผ่านบัญชีภรรยานอกสมรสของน้องมอส หลังบิณฑ์ บันลือฤทธิ์ ดารานักแสดงชื่อดังมาเยี่ยมและเปิดบัญชีระดมเงินบริจาค ซึ่งหวั่นเกรงว่าเงินที่เหลือ 5.7 ล้าน จะถูกเบิกจ่ายไปใช้โดยผิดวัตถุประสงค์ จึงขอให้มาตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วย

ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 17 บ้านโสกแมว หมู่ 2 ต.อุ้มเหม้า อ.ธาตุพนม ซึ่งอยู่หลังโรงเรียนบ้านโสกแมว พบนายประเสริฐ และน้องมอส พร้อมญาติจำนวนหนึ่งนั่งอยู่ในบ้าน น้องมอส เล่าว่า เดิมทีมีอาชีพรับจ้างกรีดยาง ช่วงแรกๆ มีอาการตาพร่ามัวนึกว่าสายตาสั้น ต่อมาจมูกไม่ได้กลิ่น จึงไปพบแพทย์ที่ ร.พ.นครพนม ก่อนจะถูกส่งต่อมายัง ร.พ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น พบว่ามีเนื้องอกในจมูก แพทย์ระบุว่าป่วยเป็นมะเร็งในโพรงจมูก แต่ไม่มีเงินรักษา กระทั่งต้นปี 59 เกิดเนื้องอกลุกลามไปที่เบ้าตา และโตขึ้นเรื่อยๆ จนเนื้อร้ายปิดลูกตาบอดสนิททั้ง 2 ข้าง ต้องอยู่อย่างทนทุกข์ทรมาน

น้องมอส กล่าวต่อว่า ต่อมาญาติได้นำภาพของตนโพสต์ในสื่อโซเซียลออนไลน์ และโพสต์ขอความช่วยเหลือจากพี่บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ พร้อมเดินทางไปเยี่ยมถึงบ้าน ช่วงนั้น น.ส.พัชรีพร สุวรรณพรม อายุ 21 ปี ภรรยายังอยู่ดูแลใกล้ชิด พี่บิณฑ์ต้องการช่วยเหลือครอบครัว เพราะเกิดความสงสาร เนื่องจากตนไม่มีบัญชีธนาคารมาก่อน ซึ่งขณะที่ตนป่วยอยู่นั้นนางนันทพร คำมุงคุณ ซึ่งเป็นแม่ ก็ล้มป่วยด้วยโรคไตวายระยะสุดท้าย นอนรักษาตัวอยู่ที่ ร.พ.นครพนม ญาติจึงมีความเห็นให้ใช้บัญชีธนาคารของภรรยา เพื่อนำเงินบริจาคดังกล่าวมาดูแล

น้องมอส กล่าวต่อไปว่า หลังพี่บิณฑ์โพสต์ขอความช่วยเหลือจากผู้ใจบุญทั่วประเทศ ทำให้มียอดเงินบริจาคไหลเข้าบัญชี น.ส.พัชรีพร ตั้งแต่วันที่ 27 ก.ค.59 วันแรกมากถึง 1.4 ล้านบาท จนสัปดาห์ต่อมามียอดเงินสูง 9 ล้านบาทเศษ และในวันที่ 1 ส.ค.59 พี่บิณฑ์โทรศัพท์มาแจ้งว่าให้ครอบครัวรับพาตนไปรักษาที่ ร.พ.จุฬาภรณ์ฯ หลักสี่ กทม. วันดังกล่าวภรรยาตนถอนเงินออกจากบัญชีครั้งแรก 2 แสนบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายระหว่างไปรักษาตัว

“ช่วงที่ผมมารักษาตัว ภรรยาเริ่มใช้จ่ายเงินไปในทางที่ผิดนำสมุดบัญชีเงินฝากไปถอนเงินหลายครั้ง บางครั้งยอดสูง 2-5 แสน บาท ขณะเดียวกันพ่อตาแม่ยายเริ่มรังเกียจครอบครัวผม หลังจากมาพักฟื้นที่บ้านเช่าย่านหลักสี่ ผมจึงได้ถามภรรยาถึงเงินที่ถอนออกไป กลับถูกด่าทออย่างเสียหาย พร้อมนำอาวุธปืนมาให้ผมลูบคลำ แล้วบอกว่าไม่ต้องถามมาก “เงินของฉันจะเอาไปใช้จ่ายอะไรอย่ามายุ่ง” ด้วยความกลัวจึงให้พ่อมาอยู่ด้วย เกรงว่าจะไม่ปลอดภัย” น้องมอส กล่าว

น้องมอส เล่าต่อว่า ต่อมาภรรยาก็ไม่หยิบยื่นเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด จนกระทั่งวันที่ 7 ธ.ค.59 จึงพากันกลับบ้าน จากนั้นภรรยาก็ไม่เคยมาหาตนที่บ้านอีกเลย ก่อนนำเงินจำนวน 3.2 ล้านบาท ไปซื้อรถกระบะ 4 ประตู รถเกี่ยวข้าว และรถจยย. รวมถึงสร้างบ้านที่ จ.มุกดาหารให้กับพ่อของเขา ญาติจึงได้ปรึกษาผู้นำชุมชนก่อนแนะนำให้ฟ้องศาล จึงตั้งทนายยื่นฟ้องครอบครัวของภรรยา ต่อมาศาลจังหวัดนครพนม ได้นัดคดีอาญานัดแรกวันที่ 22 ม.ค. ส่วนคดีแพ่งวันที่ 29 ม.ค.61 นี้ เพราะเกรงว่าภรรยานำเงินบริจาคที่เหลือไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ของผู้บริจาค

ขณะที่นายประเสริฐ พ่อของน้องมอส กล่าวว่า นายเผย คำมุงคุณ นายก อบต.อุ่มเหม้า ได้เปิดบัญชีธนาคารแห่งหนึ่งเพื่อระดมเงินบริจาคไว้อีกเล่ม มียอดเงินในบัญชี 2.3 แสนบาท แต่ต้องถอนพร้อมกัน 3 คน คือ นายเผย นายก อบต. น.ส.พัชรีพร ภรราของลูกชาย และตน ปรากฏว่าทางครอบครัวตนต้องการใช้เงินจำนวนดังกล่าวมารักษาน้องมอส จึงไปบอกให้ น.ส.พัชรีพรไปเซ็นชื่อถอน แต่เมื่อถึงธนาคาร น.ส.พัชรีพร กลับไม่ยอมมาเซ็นชื่อถอนให้ จึงทำให้ไม่มีเงินที่จะพาลูกชายเดินทางไปรักษา ซึ่งใช้เงินครั้งละ 1-2 หมื่นบาทต่อครั้ง เป็นค่าที่พักและค่าเดินทาง ส่วนเงินที่เหลือในบัญชีธนาคารที่อดีตลูกสะใภ้ถือไว้ ยังคงมียอดเงินเหลือ 5.7 ล้านบาท จึงได้อายัดไว้ ก่อนที่ครอบครัวจะยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดนครพนม เพื่อนำเงินจำนวนนี้มาใช้จ่ายรักษาลูกชายต่อไป

ด้านนายอุทิศ อุ่นไชย ผู้ใหญ่บ้าน บ้านโสกแมว หมู่ 2 กล่าวว่า ช่วงที่น้องมอส ป่วยใหม่ๆ ก่อนที่บิณฑ์ บันลือฤทธิ์ จะมาช่วยเหลือ ช่วงนั้นแม่น้องมอสป่วยด้วยโรคไตและเบาหวาน แต่ก็ไม่ยอมไปรักษาเพื่อหวังจะนำเงินไปรักษาตาให้ลูกชายให้หายจากโรคดังกล่าว กระทั่งแม่น้องมอสเสียชีวิต ซึ่งเป็นวันเดียวกันที่น้องมอสจะเดินทางไปรักษาตัวที่ ร.พ.จุฬาภรณ์ฯ วันแรก หลังแม่น้องมอสเสียชีวิต ตนแทบก็ไม่กล้าประกาศตามหอกระจายข่าวของหมู่บ้าน เกรงว่าจะบั่นทอนจิตใจน้องมอสและอาจเปลี่ยนใจไม่เดินทางไปรักษาตัว หลังมียอดเงินบริจาคเข้าบัญชีภรรยาจำนวนมาก

นายอุทิศ กล่าวต่อว่า ช่วงที่น้องมอสป่วยด้วยโรคมะเร็งในโพรงจมูก ทำให้ลุกลามไปยังดวงตาทั้งสองข้าง จนดวงตาและเปลือกตาถลนออกมานอกเบ้า เป็นที่น่าเวทนาแก่ผู้พบเห็นยิ่งนัก ถึงแม้ตนและญาติจะสงสารเพียงใด แต่หลายคนรวมทั้งตนก็ไม่สามารถนั่งกินข้าวร่วมวงกับน้องมอสได้ เพราะเห็นสภาพแล้วกินแทบไม่ลง จึงอยากเรียกร้องให้พ่อตาแม่ยายและอดีตเมีย ที่หวังจะฮุบเอาเงินที่ประชาชนทั่วประเทศบริจาคช่วยน้องมอสมา เอาไปใช้จ่ายโดยผิดวัตถุประสงค์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน