สิบล้อมึนขับขวาง ไม่หลบรถพยาบาล ผู้บาดเจ็บสาหัส ต้องปั๊มหัวใจเร่งส่ง รพ.(คลิป)

สิบล้อมึนขับขวาง ไม่หลบรถพยาบาล ผู้บาดเจ็บอาการสาหัส ต้องปั๊มหัวใจเร่งส่ง รพ. หลังเกิดอุบัติเหตุรถตู้ชนกับรถจักรยานยนต์

เมื่อวันที่ 14 ก.ย. 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุรถบรรทุกสิบล้อขวางรถพยาบาลไม่ยอมให้แซงตลอดระยะทางกว่า 2 กิโลเมตร ขณะที่กำลังเร่งนำตัวผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสอุบัติเหตุ และต้องทำการซีพีอาร์ปั๊มหัวใจไปตลอดทาง จากจุดเกิดเหตุไปส่งโรงพยาบาลหางดง จ.เชียงใหม่ จนเจ้าหน้าที่ต้องถ่ายคลิปไว้แล้วนำมาโพสต์เพื่อเป็นอุทาหรณ์

โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “โอพี รถพยาบาล เชียงใหม่” ได้โพสต์คลิปวิดีโอซึ่งถ่ายจากรถพยาบาลของกู้ชีพเทศบาลตำบลหนองควาย อ.หางดง จ.เชียงใหม่ หลังได้รับแจ้งให้ไปรับตัวผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุรถตู้ชนกับรถจักรยานยนต์ ทำให้ผู้หญิงที่ขับรถจักรยานยนต์ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดบริเวณบ้านสันป่าสัก อ.หางดง จ.เชียงใหม่

ทีมกู้ชีพฯ ได้ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น และนำตัวผู้ที่ได้รับบาดเจ็บขึ้นรถพยาบาลจากจุดเกิดเหตุ เพื่อนำไปส่งที่โรงพยาบาลอำเภอหางดง ซึ่งผู้รับบาดเจ็บอาการสาหัส มีภาวะหยุดหายใจ เจ้าหน้าที่ต้องทำการซีพีอาร์ปั๊มหัวใจในรถกู้ชีพ พร้อมเปิดสัญญาณไฟและเสียงไซเรนเพื่อขอทางฉุกเฉิน โดยขับชิดช่องจราจรเลนขวา

ระหว่างนั้นพบรถกระบะอยู่ข้างหน้า แต่เมื่อได้ยินเสียงสัญญาณก็ได้เบี่ยงซ้ายและให้รถกู้ชีพแซงขึ้นไป ปรากฏว่าเจอรถบรรทุกสิบล้อ หมายเลขทะเบียน 71-045 เชียงใหม่ ขวางทางอยู่ แม้ทางรถกู้ชีพจะเปิดเสียงสัญญาณ พร้อมบีบแตรเพื่อขอทาง แต่รถบรรทุกคันดังกล่าวไม่ยอมเปิดทางให้ และยังขับขวางช่องทางจราจร ในช่วงระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร

ด้านเจ้าหน้าที่กู้ชีพบยังคงทำการซีพีอาร์ปั๊มหัวใจผู้บาดเจ็บบนรถอย่างต่อเนื่อง ส่วนเจ้าหน้าที่ขับรถเมื่อเห็นรถบรรทุกสิบล้อขวางทางไม่ยอมเปิดช่องทางให้ จึงใช้โทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายคลิปวิดีโอไว้เพื่อเป็นหลักฐาน กระทั่งผ่านไปประมาณ 2 นาที ในช่วงระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร จนถึงสี่แยกไฟแดง รถบรรทุกได้จอดติดไฟแดงอยู่ รถกู้ชีพจึงสามารถแซงขึ้นไปได้ และนำตัวผู้ที่ได้รับบาดเจ็บไปส่งถึงโรงพยาบาลอำเภอหางดง

หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จึงนำคลิปดังกล่าวมาโพสต์ เพื่อเป็นการเตือนสติผู้ที่ใช้รถใช้ถนนโปรดให้ทางกับรถพยาบาลและรถกู้ชีพกู้ภัย ในขณะที่ให้สัญญาณขอทาง ครั้งนี้โชคดีที่ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บไม่ได้เสียชีวิตกลางทาง ทางเจ้าหน้าที่จึงไม่ได้นำเรื่องดังกล่าวเข้าแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพียงแต่อยากให้เป็นอุทาหรณ์เตือนสติในการใช้รถใช้ถนนเท่านั้น