วันที่ 13 ก.พ. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 55/1 หมู่ 5 ต.ป่างิ้ว อ.เมือง จ.อ่างทอง หลังทราบว่าที่บ้านหลังดังกล่าวมี 2 สามีภรรยา มีชีวิตที่ยากลำบากแร้นแค้น ต้องอาศัยข้าววัดประทังชีวิต เนื่องจากไม่สามารถไปทำงานได้ พบบ้านดังกล่าวเป็นบ้านไม้ใต้ถุนสูง บริเวณใต้ถุนบ้านพบนายอดุลย์ จันทวร อายุ 53 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคไตและแขนขาอ่อนแรง กำลังนั่งเช็ดตัว บีบนวด และช่วยทำกายภาพให้กับ นางเพ็ญนี จันทวร อายุ 45 ปี ผู้เป็นภรรยาอยู่ที่แคร่ไม้ใต้ถุนบ้าน โดยนางเพ็ญนี ป่วยเป็นโรคชักเกร็ง และพิการทางการเคลื่อนไหว ร่างการซึกซ้ายไม่สามารถขยับได้ นายอดุลย์ ต้องคอยอาบน้ำ เช็ดตัว ดูแลเรื่องอาหารให้ ดูแล้วน่าเวทนาและซาบซึ้งในความรักของทั้งคู่ยิ่งนัก

นายอดุลย์ เล่าวว่า ตนกับภรรยา แต่งงานอยู่กินกันมากว่า 20 ปี มีลูก 2 คน ลูกสาวทำงานมีครอบครัวไปแล้ว ส่วนลูกชายอยู่ยายที่สุรินทร์ ก่อนหน้านี้ตนทั้งคู่สามารทำงานได้แบบคนอื่นทั่วไป กระทั่งเมื่อปี 2559 ภรรยาป่วยมีอาการปวดคอ ปวดหัว และอาเจียน ตนก็ได้ไปส่งภรรยาของตนที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดอ่างทอง และนอนให้น้ำเกลือ ซึ่งนอนอยู่นานอาการก็ไม่ดีขึ้นมีทีท่าจะแย่ลง ตนก็ได้เดินไปบอกพยาบาลให้ตามหมอมาดูให้หน่อย พยาบาลก็บอกว่าให้นอนรอไปก่อน หมอยังติดเคสอื่นอยู่ ช่วงนั้นก็ตัดสินใจเดินทางไปลางาน โดยให้ลูกสาวมาเฝ้าแทน ภรรยาของตนอาการไม่ดีขึ้น ลูกสาวก็เลยไปบอกให้พยาบาลช่วยตามหมอมาดูอีก พยาบาลก็ดุใส่มาหลายครั้งจนลูกสาวตนไม่กล้าไปตาม กระทั่งเย็นภรรยาอาการแย่ มือเริ่มตก และชักเกร็งจนคนแถวนั้นหนีหายไม่กล้าเข้าใกล้ ก่อนที่หมอจะมาดูและต่อว่าตนกับภรรยาว่าเป็นแบบนี้ทำไมไม่รีบมา แบบนี้ก็แย่สิ โรคแบบนี้ต้องรีบมาหาหมอ ตนก็ได้ตอบไปว่าตนพาภรรยามาตั้งแต่ 7 โมงเช้า จน 4 โมงเย็นแล้ว หมอก็เงียบไป จากนั้นก็ส่งตัวภรรยาตนเข้าห้องงไอซียู รักษาตัวอยู่ในห้องไอซียูเป็นเดือน กว่าจะกลับมารักษาตัวที่บ้าน ซึ่งก็ป่วยแบบที่เห็นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

นายอดุลย์ กล่าวต่อว่า ช่วงที่กลับมาแรกๆ ตนก็ได้ดูแลรักษาตามที่หมอนัด ตนนั้นรักภรรยาคู่ชีวิตของตนคนนี้มาก มีหวังว่าสักวันจะกลับมาหายได้ ตนทำทุกอย่างที่จะหาทางช่วยเหลือ ตนเห็นว่าภรรยาของตนเป็นแบบนี้ก็ไปคิดค้นทำเครื่องออกกำลังแขนขาให้ภรรยา เพื่อไว้ให้ออกกำลังหวังให้สักวันแขนและขาภรรยากลับมาดีขึ้น และในเวลาทิ้งช่วงกันไม่นานเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อตนเกิดเป็นลมพลัดตกลงมาจากที่สูงของที่ทำงาน จนทำให้ต้องเข้ารับการรักษาตัว และกลับมาไม่เหมือนเดิมและไม่สามารถกลับไปทำงานได้อีก เป็นโรคไตวายเฉียบพลัน โรคเกาต์ แขนขาอ่อนแรงไม่สามารถทำงานและยกของหนักๆ ได้

ก่อนหน้านี้ล้มหมอนนอนเสื่อ ติดเตียงขยับเขยื้อนกันไม่ได้ นอนติดเตียงทั้ง 2 คน ลูกที่มีก็มีภาระไม่สามารถมาดูแลได้เต็มที่ ก็ได้เพื่อนบ้านคอยทำอาหารมาให้ คอยมาดูแล ป้อนข้าว เทปัสสาวะทิ้งให้ เงินเก็บที่มีก็หมดกับเรื่องของการรักษาตัว นับว่าโชคดีที่ได้เจ้าหน้าที่สมาคมนักวิทยุสมัครเล่นกู้ภัยจังหวัดอ่างทองมาดูแล พาไปหาหมอโดยที่ตนไม่ต้องเสียเงินกัน ส่วนรายได้ก็มีเพียงรายได้จากเงินคนพิการของภรรยาตนเพียงเดือนละ 800 บาทเท่านั้น ซึ่งเงิน 800 บาท ต้องเสียค่าน้ำค่าไฟไปเดือนละประมาณ 500 บาท ก็เหลือเงินไว้ใช้ 2 คนสามีภรรยา 300 บาทต่อเดือน เงินไม่พอกินก็ไม่รู้จะทำยังไง ดีที่ตอนนี้โรคไตของตนนั้นดีขึ้นจนเกือบหาย ร่างกายพอเดินได้ ทำงานแบบเบาๆ ได้ ตนจึงได้ไปช่วยวัดเขากวาดลานบ้าง และขอข้าวอาหารจากวัดมากินกับภรรยาที่บ้าน เพื่อประทังชีวิตไป ซึ่งจริงๆ แล้วตนก็ยังพอหุงหาอาหารได้ แต่ไม่มีเงินในการไปซื้ออาหาร จึงต้องอาศัยข้าววัดแบบนี้ไป ไม่เช่นนั้นตนก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกัน หน่วยงานราชการเคยเข้ามาดู เข้ามาแล้วก็มาช่วยแค่แรกๆ แล้วก็หายไป ตนก็ต้องพึ่งตัวเองไปตามยถากรรม ทุกวันนี้ก็ได้แต่คิดว่าตนกับภรรยาใครจะตายก่อนตายหลังเท่านั้น หากตนตายก่อนใครจะดูแลภรรยาของตน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บ้านที่สองสามีภรรยาพักอาศัยอยู่นั้นเป็นบ้านของน้องชาย นายอดุลย์ ลำพังทั้ง 2 คน ไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง โดยนายอดุลย์นั้นดูแลนางเพ็ญนีดีมาก ถึงแม้ตัวเองจะไม่ค่อยไหวก็ฝืนทำ โดยนายอดุลย์ บอกว่าหากรู้ว่าไม่ค่อไหว แล้วจะไปนอนพักก็จะทำให้ร่างกายยิ่งแย่ เลยฝืนร่างกายให้ไหวเข้าไว้ ทั้งคู่รักและดูแลซึ่งกันและกันมานานกว่า 20 ปี จนกระทั่งป่วยหนักทั้งคู่แบบนี้ ถึงแม้นางเพ็ญนีจะไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองอะไรได้มากนัก นายอดุลย์ก็ไม่เคยคิดจะทอดทิ้งเลย ซึ่งถือว่าเป็นตัวอย่างของความรักในโลกใบนี้ได้เป็นอย่างดี

หากใครคิดจะช่วยเหลือครอบครัวนี้สามารถบริจาคเงินเข้าบัญชีของนายอดุลย์ จันทวร ได้ บัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาอ่างทอง เลขที่บัญชี 222-2-32046-4

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน