พ่อ เข้าฝันลูกทุกคืน ร่ำไห้อยากให้เอาร่างไปทำพิธี หลังสิ้นใจอยู่รพ.ครบเดือน ครอบครัวไร้เงินเอาศพออก น้องสาวก็มาจบชีวิต ลูกเครียดเส้นเลือดสมองแตก ป่วยติดเตียง
เมื่อวันที่ 26 มี.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเย็นวานนี้ ที่วัดราษฎร์ประคองธรรม ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เจ้าหน้าที่มูลนิธิสยามนนทบุรี เดินทางไปรับศพจาก รพ.แห่งหนึ่งในจังหวัดอยุธยาหลังจากญาติผู้เสียชีวิต ติดต่อมาขอความช่วยเหลือที่วัดราษฎร์ประคองธรรม ไม่มีเงินจ่ายค่าดำเนินการนำศพออกให้กับ รพ.จำนวน 100,000 บาท
ซ้ำหนักน้องสาวผู้ตายกระโดดตึกตาย ลูกสาวก็เครียดจนเส้นเลือดในสมองแตกเป็นผู้ป่วยติดเตียง ศพอยู่ใน รพ.นาน 1 เดือน จนต้องมาเข้าฝันลูกสาวให้นำร่างออกไปทำพิธีทางศาสนา
น.ส.รัตน์มณี ผิวอ่อน อายุ 34 ปี ญาติผู้เสียชีวิต เล่าว่า ผู้เสียชีวิตตายตั้งแต่เมื่อวันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมา ด้วยอาการป่วยเป็นวัณโรค ไตวาย ตับแข็ง ตอนนี้ครบหนึ่งเดือนแล้ว ร่างของผู้ตายก็ยังอยู่ที่รพ.เนื่องจากทางครอบครัวไม่มีเงินพอที่จะนำร่างของผู้ตายออกมา เพราะทางรพ.เรียกเงินจำนวน 100,000 บาท
ต่อมาก็ขอเจรจาต่อรองซึ่งทางรพ.เองก็ถามว่ามีเท่าไร แต่ตอนนั้นทางครอบครัวไม่มีเงินเลย ทาง รพ.จึงไม่ให้นำศพออกมาทำพิธีทางศาสนา เคยต่อรองแล้วทางรพ.บอกว่าให้จ่ายเงินสด 5,000 บาทแล้วจบเลย นำศพออกไปทำพิธีทางศาสนาได้เลย หรือถ้าจะผ่อนก็ให้ผ่อนเดือนละ 2,000 บาท และต้องผ่อนจนกว่าจะครบ 130,000 บาท
จนกระทั่งลูกสาวของผู้ตายมา เล่าให้ฟังว่า พ่อมาเข้าฝันหลายคืนแล้ว ในความฝันคือมาร้องไห้ทุกคืนเลย อยากให้เอาร่างไปทำพิธีทางศาสนาซะที แต่ว่าทั้งลูกสาวและญาติก็ไม่มีเงิน แถมลูกสาวยังป่วยติดเตียงอีกด้วย
ตนเคยเห็นในเพจของวัดราษฎร์ประคองธรรมว่า รับเผาศพให้ฟรี ก็เลยติดต่อกับทางวัดเพื่อขอความช่วยเหลือ ซึ่งในวันนี้ (25 มี.ค.) ทางเจ้าหน้าที่ของวัดราษฎร์ประคองธรรมก็เข้ามาช่วยเหลือที่ รพ.โดยจ่ายค่าดำเนินการทั้งหมดในการนำศพของผู้ตายออกมาทำพิธีทางศาสนา ตนต้องขอขอบคุณเจ้าอาวาสวัดราษฎร์ประคองธรรม และเจ้าหน้าที่มูลนิธิทุกคน ที่เข้ามาช่วยเหลือครอบครัวในวันนี้
รวมไปถึง ผอ.ฟ้า ที่มอบเงินสนับสนุนและช่วยเหลือให้กับทางวัดราษฎร์ประคองธรรม 10,500 บาท และยังมอบเงินให้กับครอบครัวเป็นค่าเดินทางจำนวน 5,000 บาท ทำให้ครอบครัวสามารถเดินทางมาจากจังหวัดอยุธยาเพื่อมาทำพิธีเผาศพผู้ตายในวันนี้
นายไพรัช สุดธูป อายุ 48 ปี (ไวยาวัจกร) กล่าวว่า ตนได้รับการติดต่อมาญาติผู้เสียชีวิต ซึ่งเสียชีวิตมาแล้ว 1 เดือน แต่ร่างยังอยู่ที่ รพ. เนื่องจากทางญาติและลูกสาวไม่มีเงิน ซึ่งทางน้องสาวของผู้ตายก็กระโดดตึกตายไปแล้ว ส่วนทางลูกสาวพอทราบว่า พ่อเสียชีวิตก็เครียดจนเส้นเลือดในสมองแตก จนตอนนี้เป็นผู้ป่วยติดเตียง ที่สำคัญทางครอบครัวนี้เองก็ไม่มีเงิน แม้แต่ค่าเดินทางที่จะไปติดต่อทาง รพ.
ซึ่งในวันนี้ตนและเจ้าหน้าที่มูลนิธิสยามนนทบุรี เดินทางเข้าไปช่วยเหลือ เบื้องต้นในการนำศพของผู้ตายออกมาจาก รพ.และนำมาทำพิธีทางศาสนาที่วัด ซึ่งในวันนี้ทาง ผอ.ฟ้า ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ฟ้าให้ทีวี ทราบข่าวว่าทางครอบครัวนี้กำลังมีปัญหายากลำยาก สิ้นไร้หนทาง และหาทางออกไม่เจอ จึงเข้ามาช่วยเหลือเป็นเจ้าภาพทำพิธีศพให้ทั้งหมด
รวมไปถึงมอบเงินเป็นค่าเดินทางให้กับครอบครัว ในการเดินทางมาร่วมพิธีศพจากจังหวัดอยุธยา ซึ่งตนต้องขอขอบคุณ ผอ.ฟ้าที่เข้ามาช่วยเหลือในครั้งนี้เป็นอย่างมาก และโครงการบ้านหลังสุดท้ายนี้ ตราบใดที่ยังมีคนที่ลำบาก คนที่ไม่มีทางออกของการทำศพ ติดปัญหาเรื่องเงินในการทำศพ
โครงการบ้านหลังสุดท้ายนี้ก็จะยังคงมีอยู่ตลอดไป แม้แต่ทางเจ้าหน้าที่ปฎิบัติงานไม่อยู่ตรงนี้ แต่โครงการนี้ก็ยังจะทำต่อไป เพราะว่าบ้านเรายังมีคนยากจนอีกเยอะ ที่พวกเราจะต้องช่วยกันดูแลเขา
น.ส.พรทิพา สุพัฒนุกุล ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ฟ้าให้ทีวี กล่าวว่า ตนทราบข่าวจากผู้สื่อข่าวว่ามีครอบครัวหนึ่งกำลังประสบปัญหาในเรื่องของเงินค่าใช้จ่ายที่จะใช้ในการทำศพ เป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ ที่ตนอยากจะทำบุญเรื่องศพอยู่แล้ว จึงประสานที่จะช่วยเหลือค่าใช้จ่ายทำศพทั้งหมด และช่วยเหลือทางญาติผู้ตายด้วย
จากการพูดคุยทราบว่าทางวัดราษฎร์ประคองธรรม ช่วยเหลือทั้งหมดแล้ว แต่ตนก็อยากจะช่วยเหลือครอบครัวนี้ จึงขอให้ทางวัดช่วยแจ้งราค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการทำศพนี้ และก็โอนเงินไปจำนวน 10,500 บาท ให้กับทางวัด และมอบเงินช่วยเหลือทางญาติผู้ตายอีก 5,000 บาท
“ส่วนหนึ่งก็อยากจะให้กำลังใจกับทางครอบครัวของผู้เสียชีวิต เข้าใจถึงความยากลำบาก เพราะที่ผ่านมาก็เคยลำยากมาเหมือนกัน โดยเฉพาะในวัยเด็ก เพราะหลังจากเมื่อพ่อเสียชีวิตดิฉันก็กลายเป็นเสาหลักของครอบครัวมาโดยตลอด และการที่ไม่มีเงินทำศพมันรู้สึกอย่างไร” ผอ.ฟ้า กล่าว
ตอนเด็กๆตนก็เคยเจอ ใช้เงินรักษาพ่อจนหมดเนื้อหมดตัว เงินที่มอบให้กับครอบครัวนี้ไม่ได้มากมายอะไร แต่อย่างน้อยก็ทำให้เขาที่ลำบากอยู่แล้วไม่ลำบากมากกว่าเดิม อาจจะดีขึ้นได้บ้าง แต่เป็นความตั้งใจของผอ.ที่อยากจะให้กำลังใจกับทางครอบครัวนี้
ที่มา มติชน
