กรมการแพทย์ เผยอาการระยะยาว ผู้ได้รับก๊าซแอมโมเนีย ต้องรักษาตามอาการ ไม่มียาต้านพิษเฉพาะ เปิดวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น
วันที่ 18 เม.ย. 2567 พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จากเหตุการณ์แอมโมเนียรั่วไหลในโรงงานผลิตน้ำแข็ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่สั่งห้ามผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องและประชาชนเข้าใกล้สถานที่เกิดเหตุเป็นระยะทาง 1 กิโลเมตร
โดยก๊าซแอมโมเนียมีส่งผลต่อร่างกายพบอาการเฉียบพลัน ได้แก่ ระบบทางเดินหายใจ คือ มีอาการไอและมีหลอดลมตีบ อาการทางเดินหายใจส่วนบนบวมหรือไหม้ หายใจดังวี๊ด หอบเหนื่อย หรือขาดออกซิเจนได้ ดวงตา คือ ส่งผลให้เยื่อบุตาขาวอักเสบ น้ำตาไหล ระคาย เคืองกระจกตา ตาบอดชั่วคราวหรือถาวรได้ ผิวหนัง คือ เกิดการระคายเคืองหรือไหม้ได้
- ผู้บริหารพร้อมรับผิดชอบคนเจ็บ เหตุก๊าซแอมโมเนียรั่ว เผยเป็นแค่จุดที่เก็บน้ำแข็งเท่านั้น
- บาดเจ็บเพิ่มกว่า 60 คนแล้ว ผลกระทบแอมโมเนียรั่ว เร่งอพยพชาวบ้านออกมา
พญ.อัมพร กล่าวต่อว่า สำหรับอาการระยะยาว ได้แก่ ผู้ที่สัมผัส มักพบในกรณีผู้ทำงานในโรงงานเป็นระยะเวลานาน อาจมีอาการไอเรื้อรัง เหนื่อยขึ้น เอกซเรย์ปอดผิดปกติหรือตรวจการทำงานปอด ผิดปกติ มีรายงานการเกิดพังพืดในปอด ทั้งนี้ ในส่วนของอุบัติภัยการรั่วไหลมักจะเกิดอาการแบบเฉียบพลันเป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม ประชาชนควรปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ด้วยเพื่อความปลอดภัย
ด้าน นพ.ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า หากประชาชนประสบกับเหตุการณ์ใกล้เคียงกันนี้ มีข้อแนะนำในการปฐมพยาบาล การสูดดมแอมโมเนียเข้าไป ได้แก่
1.รีบนําผู้ประสบเหตุออกจากที่เกิดเหตุไปอยู่บริเวณเหนือลม และมีอากาศถ่ายเท สะดวกโดยเร็วที่สุด
2.ตรวจสอบการหายใจและการเต้นของหัวใจ
Advertisement
3.ถ้ายังหายใจ ให้คลายเสื้อผ้าให้หลวม ปลดเข็มขัดหรือเสื้อชั้นใน ถ้ามีเหงื่อออก ให้เช็ดตัว ถ้ารู้สึกตัวให้ดื่มนํ้าหรือเครื่องดื่มเย็นๆ ถ้าหายใจขัดควรให้ออกซิเจน แต่ถ้าหยุดหายใจต้องช่วยผายปอดจนกว่าจะหายใจสะดวก ห้ามใช้วิธีผายปอด ด้วยวิธีเป่าปาก
4.หากผู้ประสบเหตุหายใจเอาสารแอมโมเนียเข้าไป ให้ใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจชนิด มีที่ครอบให้อากาศแบบวาล์วทางเดียว (One-way valve) หากการสัมผัสทางผิวหนัง ควรถอดเสื้อผ้าและเครื่องประดับออกให้หมด ล้างด้วยนํ้าให้มากๆ อย่างน้อย 15 นาที ล้างบริเวณที่สัมผัสถูกสารด้วยนํ้าที่ไหลผ่านจํานวนมากจนแน่ใจว่าออกหมด
“กรณีการรับสารทางปาก ให้ดื่มนํ้ามากๆ ห้ามทําให้อาเจียน ถ้าหมดสติ ควรจัดให้นอนหงายราบเอียงหน้าไปด้านใดด้านหนึ่งสังเกตการหายใจ และจับชีพจรที่คอ หรือขาหนีบ ถ้าหยุดหายใจต้องทําการปั๊มหัวใจเพื่อช่วยชีวิต และรีบนําส่งโรงพยาบาลทันที”
“หากสารเข้าดวงตา ควรตะแคงเอียงหน้า ถ้าใส่คอนแทคเลนส์ ต้องถอดออก แล้วล้างตาด้วยนํ้าสะอาดจํานวนมากจากหัวตามาหางตาจนกว่าจะไม่เคืองตา ห้ามขยี้ตา ควรล้างนํ้าอย่างน้อย 30 นาที แล้วรีบนําส่งโรงพยาบาลทันที สำหรับวิธีการรักษา เป็นการรักษาตามอาการและไม่มียาต้านพิษเฉพาะ” นพ.ณัฐพงศ์กล่าว
ขณะที่ นพ.กิติพงษ์ พนมยงค์ หัวหน้ากลุ่มศูนย์การแพทย์เฉพาะทางด้านอาชีวเวชศาสตร์และเวชศาสตร์สิ่งแวดล้อม กล่าวว่า โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี กรมการแพทย์มีสถาบันอาชีวเวชศาสตร์และเวชศาสตร์สิ่งแวดล้อม โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี พร้อมประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงช่วยเหลือประชาชน พร้อมให้ข้อมูลความรู้แก่ประชาชนที่ประสบเหตุและประชาชนในพื้นที่โดยรอบเกี่ยวกับการปฏิบัติตนเกี่ยวกับสุขภาพที่ถูกต้อง สามารถติดต่อประสานงานหรือขอข้อมูลได้ที่ 0-2517-4333