วันที่ 21 มี.ค. ที่โรงแรมดุสิตธานี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม และสมเด็จพิชัยเสนา เตีย บันห์ รองนายกฯและรมว.กลาโหมกัมพูชา เป็นประธานร่วมการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย-กัมพูชา (จีบีซี) ครั้งที่ 13

โดยทั้งสองฝ่ายเห็นชอบให้เพิ่มความร่วมมือระหว่างกองทัพทั้งสองประเทศให้มากขึ้น ได้แก่ การแลกเปลี่ยนศิลปวัฒนธรรมและกีฬา การฝึกการบรรเทาสาธารณภัยในพื้นที่ชายแดน การเผยแพร่หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โครงการหมู่บ้านคู่ขนานสีขาวเพื่อสกัดกั้นยาเสพติดตามแนวชายแดน การเพิ่มบทบาทสำนักงานประสานงานชายแดน รวมทั้งการจัดทำ Hotline ให้ครอบคลุมตลอดแนวพื้นที่ชายแดน ไทย-กัมพูชา อีกด้วย

จากนั้นพล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์ว่า ในที่ประชุมได้พูดถึงการไปมาของประชาชนทั้งสองฝ่ายให้มีความราบรื่น ซึ่งสถานการณ์ในพื้นที่มีความเรียบร้อยดี และขณะนี้เป็นช่วงที่ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาดีที่สุด ส่วนจุดผ่านแดนถาวรจะเปิดที่พนมได ในเร็วๆนี้ ส่วนความสัมพันธ์ของทั้งสองกองทัพ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของทั้งสองประเทศก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกัน จนถึงระดับล่าง

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ในช่วงบ่าย สมเด็จพิชัยเสนา เตีย บันห์ เข้าเยี่ยมคำนับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้ชื่นชมในความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศ 2 กองทัพในห้วงที่ผ่านมา ซึ่งนับได้ว่าอยู่ในระดับสูงสุดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และขอให้ร่วมกันรักษาความสัมพันธ์ที่ดีเช่นนี้ตลอดไป

ด้านพล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า ทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันรักษาความสัมพันธ์ที่ดีเช่นนี้ตลอดไป และถือเป็นโอกาสดียิ่งที่จะสานต่อความร่วมมือกันในทุกเรื่อง ซึ่งพล.อ.ประวิตร ได้กล่าวขอบคุณกัมพูชา ที่ช่วยเหลือจับกุมผู้กระทำผิดที่หลบหนีและผู้กระทำผิดที่ใช้กัมพูชาเป็นฐาน พร้อมเสนอให้เก็บกู้ทุ่นระเบิดตามแนวชายแดนร่วมกัน เพื่อความปลอดภัยของประชาชนทั้งสองประเทศ รองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจในพื้นที่ชายแดน

พล.ท.คงชีพ กล่าวว่า รมว.กลาโหม ยังยืนยันท่าทีฝ่ายไทยที่จะสนับสนุนยกระดับจุดผ่อนปรนทางการค้าช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี-อานแซะ จ.พระวิหาร ซึ่งสมเด็จพิชัยเสนา เตีย บันห์ กล่าวย้ำว่ากัมพูชาพร้อมสนับสนุนทุกเรื่องในงานความมั่นคง เพื่ออำนวยความสะดวกการค้าขายและการไปมาหาสู่ของประชาชนตามแนวชายแดนทั้งสองประเทศ

พล.ท.คงชีพ กล่าวว่า ที่ประชุมจีบีซี ได้รับทราบรายงานความก้าวหน้าด้านความร่วมมือในพื้นที่ชายแดนที่สำคัญ ได้แก่ การสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนร่วมกันทั้ง 73 หลัก การสนับสนุนยกระดับจุดผ่านแดนและการสัญจรข้ามแดน ความร่วมมือด้านแรงงาน ความร่วมมือด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด อาชญกรรมอื่นๆและการก่อการร้าย

พล.ท.คงชีพ กล่าวว่า ในภาพรวมมีพัฒนาการความร่วมมือระหว่างกันเป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยเฉพาะความก้าวหน้าของการเตรียมยกระดับจุดผ่อนปรน เป็นจุดผ่านแดนถาวร จำนวน 4 แห่ง ในพื้นที่จ.อุบลราชธานี สระแก้ว ตราด และบุรีรัมย์ ซึ่งสามารถกำหนดยกระดับจุดผ่อนปรนทางการค้า บ้านเขาดิน จ.สระแก้ว-พนมเดย จ.พระตะบอง เป็นจุดผ่านแดนถาวรในเดือนมี.ค. นี้ และจะเร่งรัดการเปิดจุดผ่านแดนอีก 3 จุดโดยเร็ว รวมทั้งการก่อสร้างสะพานพรมแดนเชื่อมต่อ บริเวณบ้านหนองเอี่ยน จ.สระแก้ว-สตรึงบท จ.บันเตียเมียนเจย ซึ่งมีกำหนดเสร็จในเดือนก.ย.นี้ เพื่ออำนวยความสะดวกการสัญจรของประชาชนและการค้าชายแดนของทั้งสองประเทศ

โฆษกกลาโหม กล่าวต่อว่า ทั้งสองฝ่ายยืนยันเจตนารมณ์ ที่จะไม่เอาปัญหาเขตแดนมากระทบกับความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศและงดเว้นการกระทำใดๆที่จะละเมิดเขตแดนที่มีอยู่แล้ว หากมีปัญหา จะร่วมกันยุติปัญหาลงในระดับพื้นที่อย่างสันติวิธี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน