เมื่อวันที่ 19 ม.ค. เอเอฟพีรายงานว่า เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในเกาหลีใต้ กรณีศาลกรุงโซลไม่อนุมัติการออกหมายจับนายอี แจยอง ผู้บริหารบริษัทซัมซุง ฉายา “เจ้าชายซัมซุง” ตามที่อัยการร้องขอ ตามข้อสงสัยบริจาคเงินราว 1,300 ล้านบาท ให้นางชเว ซุนซิล เพื่อนสนิทของประธานาธิบดีปาร์ก กึนเฮ ผู้นำหญิงเกาหลีใต้ เพื่อเป็นสินบนให้บริษัทสามารถควบรวมกิจการได้

ศาลระบุว่าไม่มีหลักฐานเพียงพอว่า หากไม่จับกุมนายอีแล้วจะส่งผลกระทบต่อการสอบสวนของอัยการ

ในคดีดังกล่าว ทนายของซัมซุงโต้แย้งว่า รองประธานบริษัทถูกประธานาธิบดีปาร์กกดดันให้จ่าย และผู้บริหารท่านนี้ไม่เคยมีเป้าหมายบริจาคเพื่อแลกกับการสนับสนุนจากรัฐบาล

Samsung Group’s heir-apparent Lee Jae-Yong / AFP PHOTO / JUNG Yeon-Je

นายปาร์ก วอน-ซูน นายกเทศมนตรีกรุงโซล ผู้เป็นที่คาดหมายว่าจะลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเกาหลีใต้ในการเลือกตั้งปีนี้ กล่าววิจารณ์ว่า การตัดสินครั้งนี้ยึดสถานการณ์เศรษฐกิจมากกว่าหลักความยุติธรรม

“การตัดสินมุ่งหวังให้เกิดการพัฒนาทางเศรษฐกิจ ทั้งที่ประเทศที่ฝืนรับการคอร์รัปชั่นนั้นไม่สามารถจะมีเศรษฐกิจที่ดีได้เลย” นายปาร์กกล่าว
ด้าน นายคิม นัมกึน นักวิเคราะห์การเมือง มองว่า คดีนี้มีแรงกดดันจากสื่อมวลชนและผลกระทบทางเศรษฐกิจ เพราะตามปกติแล้วคดีรูปแบบนี้ที่เกี่ยวพันกับการฉ้อโกง โดยเฉพาะกรณีนี้ที่มีเงินจำนวนมหาศาล ศาลมักอนุมัติหมายจับรวดเร็ว คำตัดสินนี้อาจจะเป็นบรรทัดฐานทำให้การขอหมายจับของอัยการต่อผู้บริหารของเอกชนรายอื่นที่เกี่ยวข้องยากขึ้นอีก

บริษัทซัมซุงเป็นธุรกิจยักษ์ใหญ่ของประเทศ รายได้ของบริษัทครองส่วนแบ่งในจีดีพีสูงเป็นอันดับที่ 5 ก่อนจะมาเผชิญคดีอื้อฉาวของชเว ซูนซิล ฉายารัสปูตินหญิง ซัมซุงเพิ่งเผชิญวิกฤตซัมซุง กาแล็กซี โน้ต 7 ที่ต้องเรียกเก็บและยุติการผลิต ส่งผลสะเทือนต่อรายได้และความน่าเชื่อถือของบริษัท

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน