ปาฏิหาริย์คืนชีวิต เด็กน้อยหวนคืนอกแม่ หลายสัปดาห์หลังสึนามิพังเมือง

ปาฏิหาริย์คืนชีวิตบีบีซี รายงานเรื่องราวสุดตื้นตันใจของครอบครัวชาวอินโดนีเซียที่คิดว่าสูญเสียลูกน้อยไปในเหตุแผ่นดินไหวก่อคลื่นยักษ์สึนามิซัดกวาดบ้านเรือนบนเกาะปาลู เกาะสุลาเวสี ตั้งแต่วันที่ 28 ก.ย. คร่าชีวิตผู้คนกว่า 2,000 ราย กระทั่งไม่กี่สัปดาห์ก่อน ลูกน้อยที่พลัดหลงไปนั้น กลับคืนอ้อมอกพ่อแม่อย่างไม่คาดฝัน

เด็กคนหนึ่งชื่อ ฟิกรี อายุ 7 ขวบพลัดหลงกับคุณย่า ซึ่งเล่าว่า ในช่วงแผ่นดินไหว ตนเองอุ้มหลานหนีออกจากบ้าน เพราะกลัวว่าบ้านจะถล่มลงมา เมื่อออกมาแล้วจึงฝากหลานไว้กับเพื่อนบ้านครู่หนึ่ง เพื่อวิ่งเข้าไปดับไฟในเตาหุงอาหารจะได้ป้องกันไฟไหม้ แต่เมื่อกลับมาตรงจุดเดิม หลานหายไปแล้ว

ภาพที่ปรากฏตรงหน้า เป็นสภาพเมืองที่พังย่อยยับจากคลื่นยักษ์ที่ซัดเข้ามาในหาด

นางเซลฟี ซาลิลาม ย่าของเด็ก กล่าวว่า ระหว่างการตามหา ทุกคนต่างก็หวาดหวั่นว่า ฟิกรีจะเสียชีวิตไปแล้ว เมื่อตามไปดูที่โรงพยาบาล จังหวะที่เปิดถุงบรรจุศพออกดู ก็จะพบว่ามีร่างเด็กอยู่ ในใจได้แต่ขอพระเจ้าว่าอย่าให้เป็นฟิกรีเลย

“เราเกือบจะเชื่อว่าคงเสียเขาไปแล้ว เพราะพี่ชายเขา อายุ 10 ขวบก็เสียไปแล้ว แต่ฉันก็ยังเผื่อใจไว้นิดหนึ่งว่า ฟิกรีอาจจะหนีคลื่นทัน” นางเซลฟี กล่าว และว่า ตอนนั้นไม่กล้าจะโทร.ไปบอกพ่อแม่เด็กที่ไปทำงานในเมืองโกรอนทาโล ห่างออกไปถึง 600 ก.ม.

“ฉันไม่อยากให้พวกเขาตื่นตระหนกและวิตก เราอยากจะหาให้แน่ก่อนแล้วค่อยบอกข่าวที่แน่ชัด” นางเซลฟีกล่าว

อย่างไรก็ตาม ความที่เหตุการณ์นี้ใหญ่และร้ายแรงมาก การเก็บเรื่องเป็นความลับนั้นเป็นไปไม่ได้

นางสุสิลา แม่เด็กกล่าวว่าเห็นข่าวทางทีวี พูดไม่ออก สามีเดินทางกลับไปปาลูทันที ส่วนตนต้องอยู่ดูแลลูกคนเล็กอีกคน

“สามีโกรธและผิดหวังมาก พูดแต่ว่าทำไมปู่ย่าไม่ดูแลลูกๆ ให้ดี ฉันต้องปลอบให้ใจเย็นๆ บอกว่ามันเกินกำลังของพวกเรา ถ้าพระเจ้าต้องการลูกไป เราต้องยอมรับ”

จากนั้นพ่อแม่ของฟิกรีจึงไปแจ้งว่าลูกหาย และให้สัมภาษณ์สื่อโทรทัศน์ท้องถิ่นถึงรายละเอียดที่ลูกหายไป แต่หลังจากนั้นก็เกือบจะเลิกหวัง กระทั่งสามสัปดาห์ผ่านไป มีเจ้าหน้าที่สวัสดิการสังคมมาถึงหน้าบ้านและให้ดูรูป ถามว่านี่ลูกหลานคุณหรือเปล่า พอเห็นรูปเท่านั้นทุกคนก็ร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ เพราะใช่เลย นั่นคือภาพของฟิกรี

ฟิกรีหวนกลับสู่อ้อมกอดพ่อ / UNICEF

เจ้าหน้าที่บอกว่าเด็กยังมีชีวิตอยู่และอยู่ที่เมืองนอร์ทโมโรวาลี ซึ่งคิดไม่ออกเลยว่าเด็กไปโผล่ที่นั่นได้อย่างไร เพราะไกลไปถึง 500 ก.ม. ต่อมาจึงรู้ว่ามีนักศึกษาสาวอายุ 20 ปี พบฟิกรีริมถนน ใส่เสื้อยืดตัวเดียว เห็นสภาพบาดเจ็บและร้องหาพ่อแม่ แม้ว่าตอนนั้นนักศึกษาสาวจะหวาดกลัวและห่วงตัวเองมาก แต่ก็เห็นว่าถ้าตนไม่ช่วยเด็ก ก็คงไม่มีใครช่วย จึงบอกให้ไปด้วยกัน

ต่อมาเมื่อพ่อแม่นักศึกษาสาวมารับลูกตนเอง เด็กชายฟิกรีก็ไม่ยอมให้ถูกทิ้งอยู่ลำพัง จึงต้องพาไปด้วยและไปแจ้งความกับตำรวจและเจ้าหน้าที่สวัสดิการสังคมไว้เผื่อญาติเด็กจะตามหา ตอนนั้นเจ้าหน้าที่ขอให้ดูเด็กไว้ก่อน เพราะกลัวว่าถ้าให้คนอื่นไปดูแล อาจตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์

พ่อดีใจที่สุดที่ได้ลูกชายกลับมา / UNICEF

กระทั่งผ่านไปหลายสัปดาห์ก็ยังไม่มีใครมาติดต่อ ครอบครัวของนักศึกษาก็เริ่มผูกพันกับเด็กแล้ว แต่เมื่อรู้ว่าครอบครัวของเด็กยังอยู่ ก็ดีใจกับเด็กด้วย

จังหวะที่เจ้าหน้าที่แจ้งให้ครอบครัวมารอรับเด็กและให้รออยู่ในเต็นท์ ทุกคนเงียบงันไม่พูดอะไร จนเมื่อเด็กเดินเข้ามา ทุกคนก็พูดขึ้นว่า ขอบคุณพระเจ้า แล้วร้องไห้ตรงเข้ากอดฟิกรี

จากนั้นมาพ่อแม่ของฟิกรีก็พาลูกไปอยู่ด้วยที่เมืองโกรอนทาโล เพราะอยากดูแลลูกเอง ไม่อยากทิ้งลูกไว้อีกแล้ว อีกทั้งที่เมืองปาลู โรงเรียนยังไม่กลับมาเปิดทำการ ส่วนคุณย่าของฟิกรีใช้วิดีโอคอลคุยกับหลานแทน

…………..

ส่วนเด็กอีกคน ชื่อ จูมาดี อายุ 5 ขวบ ตอนแผ่นดินไหวนั้น จูมาดีอยู่บนหาด กำลังเล่นก่อปราสาททรายอยู่

วันนั้นคุณย่าชื่อ อจาร์นี ซึ่งไปขายอาหารในงานเทศกาลริมชายหาด ตามหาหลานด้วยความร้อนใจ แต่ก็ไม่พบ ทุกอย่างโกลาหลไปหมด ผู้คนวิ่งไปมาไปทุกทิศทาง เพราะแผ่นดินไหวเขย่าจนวิ่งหนีไม่ถูก

เมื่อนางอจาร์นีเข้าไปใกล้หาด ก็เจอกำแพงน้ำสีดำทมึนพุ่งตรงเข้ามา สิ่งที่ทำได้คือ วิ่งหนีอย่างเร็วที่สุด แม้ไม่รู้เลยว่าจะวิ่งหนีไปไหน กระทั่งคลื่นซัดกระเด็นไปยังลานจอดรถของโรงแรม ตอนนั้นรอดตายแล้ว แต่หาหลานจูมาดีไม่เจอ

ภาพที่โพสต์ตามหาจูมาดี / AFP

ด้าน เดง สามีของนางอจาร์นี ตามไปพบภรรยาที่ลานจอดรถดังกล่าว ตอนแรกจำไม่ได้ เพราะเนื้อตัวเต็มไปด้วยโคลนและเลือด ได้แต่ตะโกนถามคนอื่นว่า “เห็นเมียผมไหม คนจึงบอกว่า นั่นล่ะคือเธอ ผมจึงตรงเข้าไปช่วยและร้องขอความช่วยเหลือ จนมีคนช่วยพาไปโรงพยาบาล แต่ก็ใจไม่ดี เพราะเห็นภรรยาเสียเลือดมาก”

ช่วงเวลาเดียวกัน ข่าวคราวของเด็กน้อยจูมาดีหายไปก็ไปถึงหูนางซูซี ราห์มาเทีย แม่ของเด็ก พร้อมกับคำบอกเล่าของลุงว่า เห็นศพเด็กเกลื่อนไปหมดทุกที่ใกล้ชายหาด ทำให้นางซูซีใจเสียว่า ลูกคงถูกคลื่นซัดเสียชีวิตไปแล้ว

“คืนนั้นสามีฉันออกไปตามหาลูก และกลับมาพร้อมกับร่างเด็กคนหนึ่ง เขาร้องไห้โฮ จนตอนนั้น ตาของเด็กชื่ออัสมูดิน ก็ออกไปช่วยตามหาจูมาดี

จูมาดีร้องไห้โฮเมื่อเจอคุณปู่ / ADEK BERRY

“อากาศรอบชายหาดตลบไปด้วยกลิ่นศพ ผมเดินเท้าเปล่าหาและหาอยู่เป็นชั่วโมง คุ้ยดูใต้ซากปรักหักพังและตามสถานที่ที่อาจจะเจอ”

ต่อมา ลุงของจูมาดี โพสต์ข้อความตามหาจูมาดีทางเฟซบุ๊กหวังว่าจะมีคนสังเกตรูปแล้วจำได้ ซึ่งเผอิญว่า ลูกสาวของนางซาร์ตินี ผู้ที่ช่วยดูแลจูมาดีไว้ หลังไปเจอเด็กที่สถานีตำรวจหลังเหตุแผ่นดินไหว จำเด็กได้จริงๆ จึงติดต่อแจ้งกับลุงของเด็ก และนำไปสู่กระบวนการพาเด็กกลับคืนครอบครัว

นาทีที่จูมาดีเห็นแม่ หนูน้อยโผเข้าหาอ้อมกอดแม่ ร้องไห้สะอึกสะอื้น ขณะที่แม่จูบปลอบขวัญด้วยความตื้นตันใจ

ปาฏิหาริย์คืนชีวิต

ADEK BERRY

“เขากอดฉันแน่นเหมือนว่าอย่าทำหลุดหายไปอีก ขาเขาเกี่ยวฉันไว้อย่างกับลิงเลย” ซูซี เล่าถึงนาทีที่ไม่มีทางลืม ก่อนเล่าว่า เด็กกลัวมากจนไม่พูด ต้องใช้เวลาหลายวัน จึงค่อยๆ ถามว่าในวันนั้นเกิดอะไรขึ้น

ลูกเล่าา่า เล่นทรายอยู่และไม่เข้าใจว่า โลกทั้งใบเขย่าได้อย่างไร จากนั้นมีตำรวจมาพาไป ทำให้รอดพ้นคลื่นยักษ์ไปในเวลาเสี้ยวนาที

++++

อ่านข่าวก่อนหน้านี้ :

ภาพชุดอินโดฯวิปโยค ดินไหว-สึนามิคร่าทะลุ 800 ชีวิตในพริบตา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน