บีบีซี โดยผู้สื่อข่าวโจนาห์ ฟิเชอร์ รายงานเรื่องราวของวัยรุ่นสาวชาวพม่าที่ได้รับความช่วยเหลือออกมาจากร้านตัดเสื้อ ด้วยสภาพถูกทำร้ายทารุณ ว่า ประธานาธิบดีพม่าสั่งให้เจ้าหน้าที่สอบสวนเรื่องนี้ให้กระจ่าง โดยเฉพาะเรื่องที่หญิงสาวเผยว่า ถูกกักตัวทารุณอยู่ในร้านดังกล่าวมานานถึง 5 ปี
ภาพ AFP/YE AUNG THUYE AUNG THU
สาววัยรุ่นสองคน ได้รับความช่วยเหลือจากนักข่าวคนหนึ่ง หลังจากครอบครัวเผยว่า ตำรวจไม่สนใจจะช่วยเหลือทั้งที่ครอบครัวร้องขอมานาน กระทั่งเมื่อเป็นข่าวใหญ่เมื่อวันพุธที่ 21 ก.ย. ตำรวจจึงเข้าจับกุมเจ้าของร้านตัดเสื้อ และสมาชิกในครอบครัว 2 ครอบครัวที่เชื่อว่าเกี่ยวพันด้วย
เด็กถูกพ่อแม่ส่งตัวไปทำงานในนครย่างกุ้ง ตั้งแต่อายุ 11 และ 12 ปี เหมือนกับครอบครัวคนยากจนอื่นๆ ในพม่า ซึ่งตัวเลขของสหประชาชาติประเมินไว้ว่า เด็กในพม่าถูกบีบให้เลิกเรียนหนังสือเพื่อไปทำงานถึง 1 ล้านคน
ทั้งสองไปทำงานเป็นเด็กรับใช้ในร้านตัดเสื้อที่ตั้งอยู่ในกลางนครย่างกุ้ง แต่ค่อยๆ แปรสภาพถูกใช้งานเยี่ยงทาสในยุคปัจจุบัน กล่าวคือถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ไม่ให้ติดต่อกับครอบครัว ไม่ให้ออกไปข้างนอก และไม่ได้รับค่าจ้าง
สิ่งที่ตามต่อมาคือการถูกทำร้าย ทารุณ กรณีนี้เห็นได้ชัดจากบาดแผลที่แขน ขา และคอ เป็นรอยที่ถูกเตารีดนาบดังที่เด็กเปิดเผย
“หนูมีแผลถูกเตารีดนาบ ทั้งที่ขาและที่ศีรษะก็มีรอยแผลแบบนี้ด้วยเหมือนกัน” เด็กสาวอายุ 16 กล่าว
ส่วนอีกคน อายุ 17 มีแผลจากมีดปาดที่จมูก เนื่องจากนายจ้างไม่พอใจที่ทำอาหารไม่อร่อย
หลังจากเด็กหาทางส่งข่าวให้แม่รู้ แม่ก็รีบไปแจ้งตำรวจ แต่กลับไม่ได้รับความช่วยเหลืออะไร จนกระทั่งนักข่าวชื่อ สเว วิน รู้เรื่องจึงรุดไปหาตำรวจนายดังกล่าว ซึ่งยืนกรานไม่ช่วยอีก นักข่าวคนนี้จึงนำเรื่องไปแจ้งต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติและทำให้เด็กได้รับความช่วยเหลือ
ทางสมาชิกคณะกรรมการสิทธิเจรจาต่อรองกับนายจ้างของเด็กสาว จนยอมปล่อยตัวและจ่ายค่าจ้างย้อนหลังให้ 140,000 บาท แต่เมื่อเรื่องเด็กถูกทารุณตีแผ่ออกมา ชาวบ้านจึงกดดันเจ้าหน้าที่รัฐให้ดำเนินคดีให้ได้
จากนั้นเรื่องก็กลายเป็นประเด็นระดับชาติ ทางประธานาธิบดีติน จ๋อ แถลงให้สอบสวนเจ้าหน้าที่ว่า เหตุใดจึงเพิกเฉยและปล่อยให้เด็กถูกกระทำเช่นนี้ ทั้งสั่งให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องเข้าไปช่วยเหลือดูลเด็กและครอบครัว รวมถึงนักข่าวที่เปิดโปงคดี ไม่ให้ถูกข่มขู่แก้แค้น
