เมื่อวันที่ 28 ก.พ. เอเอฟพีรายงานความคืบหน้าการสืบสวนคดีลอบสังหารนายคิม จองนัม พี่ชายต่างมารดาของนายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ว่าอัยการนัดส่งตัวน.ส.ดวน ธิ ฮวง ชาวเวียดนาม อายุ 28 ปี และนางสิตี ไอสยาห์ ชาวอินโดนีเซีย อายุ 25 ปี ขึ้นศาลวันที่ 1 มี.ค. เพื่อสั่งฟ้องในข้อหาฆาตกรรม

ทั้งนี้ หลังจากเจ้าหน้าที่มาเลเซียรวบรวมพยานหลักฐานแล้ว มีความแน่ชัดว่าทั้งสองเป็นผู้ป้ายของเหลวใส่หน้านายจองนัม กลางสนามบินกรุงกัวลาลัมเปอร์ และต่อมาพบว่าเป็นสารพิษประเภทอาวุธเคมีวีเอ็กซ์ ซึ่งตามข้อกล่าวหานี้หากศาลตัดสินว่ามีความผิด บทลงโทษสูงสุดคือประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ

ผู้ต้องสงสัยรายที่ 2 (โพกผ้าสีเหลือง) CCTV via REUTERS TV

จากการสอบปากคำ นางสิตีกล่าววางของเหลวที่นำไปป้ายหน้านายคิมมีลักษณะเหมือนเบบี้ออยล์ ส่วนน.ส.ดวนกล่าวว่าถูกลวงว่าให้ไปก่อการนี้เพื่อคิดว่าเป็นการบันทึกรายการล้อกันเล่น

ขณะที่รัฐบาลอังกฤษ เรียกร้องให้ทางการมาเลเซียส่งหลักฐานสารเคมีวีเอ็กซ์ให้ยูเอ็นช่วยตรวจสอบ เพื่อนำไปสู่มาตรการเพิ่มเติมในการเอาผิดกับเกาหลีเหนือ

สำหรับผู้ต้องสงสัย 4 รายชาวเกาหลีเหนือที่หนีออกจากมาเลเซียในวันก่อเหตุวันที่ 13 ก.พ.นั้น ทางเกาหลีใต้อ้างข่าวกรองว่า เป็นสมาชิกสายลับของทางการเกาหลีเหนือ ทีมหนึ่งเป็นผู้ว่าจ้างหญิงทั้งสองให้ไปวางยาพิษ

คิม จองนัม (AP Photo/Isuo Inouye, File)

ขณะเดียวกัน ทางการมาเลเซียสั่งปิดบริษัทเอกชน 2 แห่ง ได้แก่ อินเตอร์เนชั่นแนล โกลบอล ซิสเต็ม และอินเตอร์เนชั่นแนล โกลเด้น เซอร์วิส หลังพบว่าเป็นนอมินีที่มีความเชื่อมโยงกับบริษัท โกลคอม บริหารจัดการภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยสืบราชการลับเกาหลีเหนือ ซึ่งทางสหประชาชาติ หรือยูเอ็น เคยระบุว่าลักลอบค้าอาวุธสงครามให้กับประเทศเอริเทรีย ในทวีปแอฟริกา โดยมีบริษัทผู้ประสานงานอยู่ในประเทศสิงคโปร์ และซัพพลายเออร์อยู่ในจีน


ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของมาเลเซียมีขึ้นหลังคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นเอสซี มีมติเป็นเอกฉันท์ประณามเกาหลีเหนือต่อกรณีการลักลอบค้าอาวุธสงครามและอุปกรณ์ทางทหารผ่านบริษัทข้ามชาติที่ใช้วิธีการจดทะเบียนบังหน้า ว่าเป็นพฤติกรรมที่ยั่วยุและไร้ความรับผิดชอบ เนื่องจากเป็นความพยายามฝ่าฝืนข้อห้ามของยูเอ็น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน