ขีปนาวุธ ถือเป็นหนึ่งในอาวุธทางทหารที่มีแสนยานุภาพสูงในสมรภูมิแห่งศตวรรษที่ 21 ภายใต้ยุทธวิธีการรบระยะไกลที่อาศัยอำนาจการยิงรุนแรงและความแม่นยำจากเทคโนโลยีนำวิถี อาวุธชนิดนี้ได้รับการพิสูจน์และพัฒนามาครั้งแล้วครั้งเล่าในสงครามตลอดช่วงศตวรรษที่ 20
ขีปนาวุธโทมาฮอว์ก (Tomahawk missile) ถือเป็นหนึ่งในขีปนาวุธดังกล่าวที่มีชื่อเสียงและกำลังตกเป็นข่าวพาดหัวไปทั่วโลกอีกครั้ง
เมื่อเรือประจัญบาน ยูเอสเอส ปอร์เตอร์ และยูเอสเอส รอสส์ ในสังกัดกองทัพเรือสหรัฐอเมริกา ได้รับคำสั่งจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้ปล่อยขีปนาวุธดังกล่าว 59 ลูก โจมตีฐานทัพอากาศชายรัด แคว้นฮอมส์ ทางภาคตะวันตกของประเทศซีเรีย เมื่อเวลา 04.40 น. ตามเวลาท้องถิ่นซีเรีย ของวันที่ 7 เม.ย.
สหรัฐให้เหตุผลว่า เพื่อตอบโต้รัฐบาลของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ที่สหรัฐกล่าวหาว่าใช้อาวุธเคมี (อาจเป็นแก๊สซาริน) โจมตีพลเรือนในหมู่บ้านข่าน ชีกคุน แคว้นอิดลิบ มีผู้เสียชีวิตกว่า 80 ราย ถือเป็นการโจมตีทางทหารต่อทางการซีเรีย (ซึ่งเป็นสมาชิกสหประชาชาติ หรือยูเอ็น) ครั้งแรกของสหรัฐ
ขีปนาวุธโทมาฮอว์ก จัดอยู่ในประเภทขีปนาวุธร่อน (Cruise missile) จุดเด่นของขีปนาวุธชนิดนี้อยู่ที่ความสามารถในการร่อน เนื่องจากมีปีกที่ทำให้ร่อนอยู่ในอากาศได้ ซึ่งขีปนาวุธประเภทนี้ถูกออกแบบมาเพื่อส่งหัวรบขนาดใหญ่เป็นระยะทางไกล โดยที่ยังคงความแม่นยำ ส่วนขีปนาวุธร่อนสมัยใหม่สามารถทำความเร็วเท่ากับเสียง หรือเหนือเสียงได้ (Hypersonic) และมีระบบนำทางในตัวเอง
BGM-109 หรือขีปนาวุธโทมาฮอว์กของกองทัพสหรัฐปัจจุบัน ถือเป็นขีปนาวุธพิสัยใกล้ มีขีดความสามารถในการร่อนด้วยความเร็ว 800 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จึงจัดเป็นขีปนาวุธประเภทความเร็วต่ำกว่าเสียง (Subsonic)
จุดเด่นของขีปนาวุธโทมาฮอว์กอยู่ที่ระบบนำวิถีซึ่งมีความแม่นยำสูง ยิงโจมตีเป้าหมายที่อยู่ห่างไปถึง 24,000 ก.ม. โดยมีความผิดพลาดไม่เกินระยะ 9 เมตรจากเป้าหมายไม่ว่าจะเป็นเป้านิ่ง หรือเป้าเคลื่อนที่ เพราะระบบนำวิถีของโทมาฮอว์กนั้นชาญฉลาดทำให้สามารถค้นหาเป้าหมายได้ด้วยตัวเอง
กองทัพสหรัฐนำขีปนาวุธชนิดนี้มาใช้ครั้งแรกในยุทธการพายุทะเลทราย (Operation Desert Storm) เมื่อครั้งสงครามอ่าวปีพ.ศ. 2534 ด้วยการใช้โทมาฮอว์กยิงถล่มเป้าหมายทั่วกรุงแบกแดด ประเทศอิรัก ภายใต้กลยุทธสร้างความสั่นสะเทือนและตะลึงพรึงเพริด (Shock and Awe)
โทมาฮอว์กสร้างชื่อโด่งดังและกลายเป็นพาดหัวข่าวในฐานะขีปนาวุธอัจฉริยะที่เข้าทำลายเป้าหมายด้วยความแม่นยำอย่างน่าตกตะลึง
จุดเริ่มต้นของโทมาฮอว์ก มาจากความคิดของนายวอลเตอร์ อาร์. บูธ นักมายากลชาวอังกฤษ หนึ่งในผู้ขับเคลื่อนเทคนิคพิเศษซึ่งกลายเป็นปรากฏการณ์สำคัญในอุตสาหกรรมภาพยนตร์อังกฤษในช่วงศตวรรษที่ 19
โทมาฮอว์กนำไอเดียมาจากภาพยนตร์ที่นายบูธกำกับเอง ชื่อว่า The Airship Destroyer ฉายเมื่อปี 2452 เกี่ยวกับนักประดิษฐ์ที่คิดค้น “จรวดตอร์ปิโดบินได้” เพื่อทำลายยานบินที่กำลังเข้ามาถล่มกรุงลอนดอน
ภาพดังกล่าวทำให้วิศวกรสหรัฐต้องใช้เวลานานนับสิบปีในการคิดค้นพัฒนาอาวุธชนิดนี้ภายใต้โจทย์ที่ท้าทายเพื่อสร้างระบบการส่งหัวรบหนัก 1.5 ตัน จากทะเล หรือใต้ทะเล พุ่งด้วยความเร็วกว่า 800 ก.ม.ต่อช.ม. ฝ่าน่านฟ้าของศัตรูด้วยความสามารถในการหลบเลี่ยงเรดาร์ และพุ่งเข้าใส่เป้าหมายด้วยความแม่นยำ
กลายมาเป็นขีปนาวุธโทมาฮอว์ก (ขวานของอินเดียนแดง) หนัก 1.6 ตัน พัฒนาระยะแรกโดย General Dynamics Corporation ต่อมาส่งต่อให้ Raytheon และ McDonnell Douglas ความเร็งสูงสุด 890 ก.ม.ต่อช.ม. ราคาลูกละ 1.59 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 55 ล้านบาท
ปัจจุบันรุ่นล่าสุด Block IV ใช้ในกองทัพเรือสหรัฐกับอังกฤษ ส่วนแสนยานุภาพการปล่อยโทมาฮอว์กและขีปนาวุธร่อนทั้งหมดของสหรัฐนั้นสามารถทำได้ทั้งจากภาคพื้นดิน (GLCM) จากเรือรบ และเรือดำน้ำ (ขณะอยู่ใต้น้ำ) ใช้ระบบ GPS ในการนำวิถี และมีพิสัยครอบคลุมคิดเป็นร้อยละ 90 ของเมืองใหญ่ทั่วโลก
ติดหัวรบได้หลากหลายชนิดตั้งแต่หัวรบปกติ ต่อต้านเรือ ต่อต้านยานเกราะ ต่อต้านอาคาร ไปจนถึงหัวรบนิวเคลียร์