เมื่อ 15 พ.ค. บีบีซีรายงานผลการประชุมกลุ่มประเทศเส้นทางสายไหมในเวทีเบลต์แอนด์โรด Belt and Road ที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีนเป็นเจ้าภาพเชิญผู้แทน 29 ประเทศเข้าร่วมวันที่ 14-15 พ.ค. ว่าจีนจะเป็นโต้โผทุ่มการลงทุนสร้างเครือข่ายคมนาคม ถนนหนทาง ท่าเรือ และทางรถไฟ มูลค่า 124,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 4.3 ล้านล้านบาท
“การค้าเป็นเครื่องจักรสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจ” สี จิ้นผิง กล่าวในเวทีสุดยอดครั้งนี้ที่กรุงปักกิ่ง ซึ่งมีผู้นำชาติทรงอิทธิพลอย่าง นายวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย และนายเรเจ็ป ไตยิป เอร์โดอัน ผู้นำตุรกี เข้าร่วม
แผนการดังกล่าวมุ่งขยายการค้าเชื่อมสามทวีป ได้แก่ เอเชีย แอฟริกา ยุโรป และดินแดนอื่นๆ นอกเหนือจากนี้ เริ่มเปิดตัวตั้งแต่ปี 2556 โครงการส่วนหนึ่งคือ การเชื่อมการค้าจีนกับชาติพันธมิตร มีเงินช่วยเหลือชาติกำลังพัฒนาและสถาบันระหว่างประเทศเพื่อเริ่มต้นโครงการเบลต์แอนด์โรด หรือการก่อสร้างเส้นทางรถไฟและถนน มูลค่า 9,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 312,000 ล้านบาท
แม้จะได้ชื่อว่าเป็นโครงการใหญ่โตแห่งศตวรรษ แต่นายสีกล่าวให้ชาติตะวันตกสบายใจได้ว่า แผนการนี้ไม่ได้ต้องการสร้างอิทธิพลจีนในเวทีโลก หากทำให้เพื่อประโยชน์ร่วมกัน
“เพื่อเดินหน้าสร้างเส้นทางรถไฟและถนน (เบลต์แอนด์โรด) เราไม่ได้ต้องการเดินย่ำหนทางการเดินเกมเก่าๆ ระหว่างคู่อริ แต่เราจะสร้างรูปแบบใหม่ของความร่วมมือและผลประโยชน์ร่วมกัน เราควรสร้างแพลตฟอร์มเปิดของการร่วมมือประสานงาน ค้ำจุนและสร้างเศรษฐกิจโลกให้เติบโต” นายสีกล่าว
บีบีซีตั้งข้อสังเกตว่า การผงาดขึ้นมาเป็นผู้นำโลกของจีนขณะนี้เกิดขึ้นในช่วงที่มหาอำนาจอื่นๆ อย่างสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปมีปัญหาภายในเอง ประธานาธิบดีสียังเข้าใจใช้คำว่า “สร้างการค้าโลกที่เป็นธรรม และโปร่งใสสำหรับทุกประเทศ”
นอกจากนี้ยังระบุว่า “จีนปรารถนาจะแบ่งปันการพัฒนาและประสบการณ์กับทุกประเทศ จีนจะไม่แทรกแซงกิจการภายในของประเทศอื่น ไม่ว่าจะมาจากเอเชีย ยุโรป แอฟริกา หรือเมริกา เราจะเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือในการสร้างเส้นทางเชื่อมต่อนี้”