บีบีซีรายงานเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. ว่า ศูนย์วิจัยพิว (Pew Research Center) จากสหรัฐอเมริกา เปิดผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนหลายประเทศด้วยวิธีสัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่าง 40,000 คนใน 37 ประเทศด้วยหัวข้อต่างๆ ที่รวมถึงภายใต้การบริหารของนายโดนัลด์ ทรัมป์ผู้นำสหรัฐที่ส่งผลโดยตรงต่อภาพลักษณ์ของความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับหลายประเทศทั่วโลก

AP Photo/Evan Vucci

การทำสำรวจความคิดเห็นดังกล่าวเก็บข้อมูลในช่วงช่วงสิ้นสุดการดำรงตำแหน่ง 8 ปีของนายบารัก โอบามา กระทั่งทรัมป์เริ่มต้นบริหารงานกับผู้คนใน 37 ประเทศ พบว่ามีเพียงแค่ 2 ประเทศเท่านั้นคือ อิสราเอล และรัสเซีย ที่ชื่นชอบทรัมป์มากกว่านายโอบามา ส่วนคนในประเทศที่เหลือชี้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับประเทศเหล่านั้นจะยังไม่เปลี่ยนในช่วงไม่กี่ปีนี้

US President Donald Trump / AFP PHOTO / Nicholas Kamm

ในส่วนของพันธมิตรเก่าหลังสงครามโลกครั้งที่สองอย่างเยอรมนีก็มีความนิยมชมชอบนายโอบามามากกว่าถึงร้อยละ 86 ส่วนคะแนนนิยมสำหรับทรัมป์อยู่ที่ร้อยละ 11 เท่านั้น และยังถือได้ว่าเป็นประเทศที่สูญเสียความมั่นใจมากที่สุดในบรรดาพันธมิตรสหรัฐ ขณะที่พันธมิตรอื่นๆอย่างเกาหลีใต้ แคนาดา อังกฤษและออสเตรเลียต่างนิยมชมชอบโอาบามามากกว่าทรัมป์ทั้งสิ้น

พ่อตา-ลูกเขย. / AFP PHOTO / MANDEL NGAN

นอกจากนี้ยังมีคำถามเกี่ยวกับบุคลิก ลักษณะนิสัยของผู้นำสหรัฐ ภายใต้คำถามที่ว่า” คุณคิดว่าทรัมป์เป็นอย่างไร ผู้นำที่แข็งแกร่ง มีบารมี เก่ง ใจดี หยิ่งยโส มีความอดทนต่ำ หรืออันตราย”

ในรายงานของศูนย์วิจัยพิวสรุปว่าผู้คนส่วนใหญ่มองทรัมป์ว่าเป็นคนหยิ่งยโส ส่วนผู้ตอบคำถามใน 26 ประเทศจาก 37 ประเทศมองว่าทรัมป์เป็นคนอันตราย แต่กระนั้นก็ตามการสะท้อนแนวคิดผ่านคำตอบขึ้นอยู่กับว่าทัศนคติของผู้ตอบ เช่นผู้ที่นิยมแนวคิดฝักใฝ่ซ้ายก็มักจะมองว่าทรัมป์เป็นคนที่อันตราย ขณะที่ในลาตินอเมริกา และแอฟริกามักจะเชื่อทรัมป์เป็นผู้นำที่แข็งแกร่ง








Advertisement

คะแนนนิยมศรัทธาต่อทรัมป์ แถบสีแดงเข้ม ต่ำกว่าโอบามา แท่งกราฟสีแดงสดเยอะมาก BBC

ส่วนการดำเนินนโยบายที่มีผลต่อแนวคิดคนทั่วโลก อย่างการออกมาสั่งห้ามชาวมุสลิมจาก 6 ประเทศเข้าสหรัฐส่งผลต่อความคิดเห็นส่วนใหญ่ของ อิสราเอล ฮังการีและรัสเซียที่สนับสนุนทรัมป์มากขึ้นอยู่ที่ร้อยละ 62

และแน่นอนว่าประเทศที่มีประชากรมุสลิมเป็นส่วนใหญ่จะไม่เห็นด้วย อย่างประเทศจอร์แดนที่ความไม่นิยมทรัมป์ต่ำสุด ตามมาด้วยเลบานอน และเซเนกัล

อย่างไรก็ตามยังมีอีกราวร้อยละ 41 ของผู้ตอบคำถามที่คิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของตนกับสหรัฐจะยังคงเหมือนเดิมไม่ว่าทรัมป์จะเป็นอย่าง ขณะที่ร้อยละ 15 จากค่าเฉลี่ยทั้งหมดมองว่าความสัมพันธ์จะพัฒนาขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไนจีเรีย กานา และรัสเซีย

U.S. President Donald Trump / REUTERS

ก่อนหน้านี้ ทรัมป์เพิ่งแหกธรรมเนียมในการเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงสิ้นสุดช่วงถือศีลอดเดือนรอมฎอนที่มาเกือบ 20 ปี ทำให้เกิดการเปรียบเทียบกับรัฐบาลโอบามาที่เข้าหาเป็นมิตรกับชาวมุสลิมมากกว่า

นายทรัมป์เพียงแถลงถึงการสิ้นสุดเทศกาลรอมฎอนว่า “ในนามของปวงชนชาวอเมริกัน เมลานี และข้าพขอส่งสาส์นด้วยความอบอุ่นสู่ชาวมุสลิมทั้งหลายเนื่องด้วยวันฉลองอีฎิ้ลฟิตริ”

เดิมทีทำเนียบขาวมีธรรมเนียมเลี้ยงฉลองวันอีฎิ้ลฟิตริ ตั้งแต่ปี 2348 ยุคประธานาธิบดีคนที่ 3 โธมัส เจฟเฟอร์สัน จัดขึ้นเพื่อเลี้ยงคณะทูตจากตูนีเซีย จากนั้นมาจัดอีกครั้งในปี 2542 สมัยที่นางฮิลลารี คลินตัน เป็นสตรีหมายเลขหนึ่ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน