เมื่อวันที่ 15 ต.ค. เอเอฟพีรายงานว่า ประธานาธิบดีฟรังซัวส์ ออลลองด์ ผู้นำฝรั่งเศส เป็นประธานพิธีไว้อาลัยเหยื่อเหตุวินาศกรรมในวันชาติฝรั่งเศส หรือ บาสตีย์ เดย์ ที่เมืองนีซ มีผู้เสียชีวิต 86 ราย บาดเจ็บกว่า 400 คน ซึ่งกองกำลังนักรบของรัฐอิลสลาม หรือไอเอส ออกมาประกาศตัวว่าอยู่เบื้องหลังการส่งนักรบไปก่อการเพื่อล้างแค้นที่ฝรั่งเศสเข้าร่วมศึกในซีเรีย
งานจัดขึ้นในวาระครบ 3 เดือนนับจากเหตุการณ์เกิดขึ้นในวันที่ 14 ก.ค. โดยก่อนหน้านี้จัดงานไม่ได้เนื่องจากปัญหาด้านสภาพอากาศมีพายุในพื้นที่
ประธานาธิบดีออลลองด์กล่าวเรียกร้องความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของคนในประเทศ เพราะการโจมตีที่เกิดขึ้นในวันที่ 14 กรกฎาคมนั้น ต้องการทำลายความเป็นเอกภาพของชาติ
“เป้าหมายอันโหดเหี้ยมร้ายกาจของผู้ก่อการร้ายคือการถล่มเพื่อให้เกิดความกลัว ใช้ความรุนแรงแบ่งแยกคน ดังนั้น ผมขอบอกว่าไม่มีทาง ความปรารถนาร้ายเช่นนี้ไม่มีทางบรรลุผล” ผู้นำฝรั่งเศสกล่าว
ในเหตุการณ์ดังกล่าว ผู้ก่อการร้ายอายุ 31 ปี ชื่อนายโมฮาเหม็ด บูห์เลล มีเชื้อสายตูนิเซีย ขับรถบรรทุกขนาดหนัก 19 ตันพุ่งเข้าใส่ฝูงชนกว่า 30,000 คนที่เดินเที่ยวอยู่ในคืนวันชาติ ตรงถนนริมหาด เป็นเวลา 4 นาที ก่อนที่ตำรวจจะบุกวิสามัญฯ ระงับเหตุ
ความสูญเสียดังกล่าวทำให้หลายครอบครัวสูญเสียคนในสมาชิกครอบครัวไปถึง 3 รุ่น
“นีซและฝรั่งเศสทั้งประเทศร่ำไห้ให้กับเหยื่อทั้ง 86 ชีวิต ความโศกเศร้าของเรานั้นไม่มีวันสิ้นสุด” ซินดี้ เปเยกรินี หญิงสาวที่เสียคนในครอบครัวไปถึง 6 คน กล่าว
ด้านนายแวงซองต์ เดลออมเมล เดส์มาเรสต์ ผู้เปิดร้านอยู่ที่ถนนพรอมเมนาด เดส์ ซองเกลส์ กล่าวว่าภาพเหตุการณ์เลือดนองถนนยังหลอนตนอยู่จนกลับไปเปิดร้านอีกไม่ได้
“ผมนอนไม่หลับในตอนกลางคืน ผมจะนึกถึงภาพเดิมอีก ที่รถบรรทุกวิ่งไล่ชนไล่ทับร่างผู้คน”