ทูตนอกแถว “รัศม์ ชาลีจันทร์” ซัดเดือด ชี้ ‘บิ๊กตู่’ ดอดพบ รมต.คณะรัฐประหารพม่า เป็นการ ‘เสนอหน้า’ กางผิดชัดๆ 3 ข้อ ทั้งมารยาท และ กฎหมาย

กรณีเว็บไซต์ข่าว โกลบอล นิว ไลท์ ออฟ เมียนมา และสถานีโทรทัศน์ MRTV สื่อของรัฐบาลทหารเมียนมา ต่างเผยแพร่ข่าว นายวันนะ หม่อง ลวิน รัฐมนตรีการต่างประเทศเมียนมา เดินทางมาพบปะพูดคุยกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย โดยสื่อรัฐของเมียนมานำเสนอข่าวดังกล่าวเป็นข่าวใหญ่ แม้ว่าพล.อ.ประยุทธ์จะให้สัมภาษณ์กับสื่อไทยว่า อย่าถามเรื่องนี้ให้มากนัก เพราะบางครั้งบางเรื่อง ไม่ใช่เรื่องที่เป็นทางการก็ตาม

ล่าสุด นายรัศม์ ชาลีจันทร์ อดีตเอกอัครราชทูตหลายประเทศ และอดีตรองอธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โพสต์เฟซบุ๊กผ่านเพจ ทูตนอกแถว The Alternative Ambassador ถึงกรณีดังกล่าว ระบุว่า

ไม่เขียนถึงคงไม่ได้ ก็เพิ่งรู้ว่าเดี๋ยวนี้นายกเขานั่งทำงานอยู่ที่สนามบิน 55

เรื่องการมาไทยของนายวันนะ หม่อง ลวิน รัฐมนตรีต่างประเทศพม่าเมื่อวานนี้มีอะไรให้น่าพูดถึงเยอะหลายแง่มุมทีเดียว โดยเฉพาะในมุมมองทางการทูตและการต่างประเทศ ผมเคยให้สัมภาษณ์ไปแล้วว่าปัจจุบันนับเป็นยุคแห่งความท้าทายใหม่ของอาเซียนที่จะก้าวเดินต่อไปอย่างเข้มแข็งและเป็นพลังสำคัญในภูมิภาคนี้ได้อย่างไร แต่เดิมเมื่อก่อตั้งขึ้นมาเมื่อห้าสิบปีกว่านั้น สิ่งที่คุกคามประเทศสมาชิกคือภัยจากภายนอกเป็นหลัก แต่ทุกวันนี้สิ่งที่บั่นทอนอาเซียนกลับกลายตัวสมาชิกอาเซียนด้วยกันเสียเอง

สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ในแง่หนึ่งถือเป็นศักราชใหม่ของอาเซียนก็ว่าได้ ที่มีประเทศสมาชิกพยายามยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือแก้ไขปัญหาทางการเมืองภายในของอีกประเทศสมาชิกหนึ่ง ซึ่งแทบไม่เคยปรากฏมาก่อน เพราะการยึดถือหลักการไม่แทรกแซงกิจการภายในของกันและกันนั้นเป็นเสมือนกฎที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของอาเซียน

แต่ทุกวันนี้ปัญหาภายในของประเทศหนึ่งมันก็กระทบไปทั้งองค์กรรวมด้วย ทั้งในแง่เศรษฐกิจและการเมือง อินโดนีเซียที่เป็นปัจจุบันนับเป็นประเทศประชาธิปไตยแถวหน้าของภูมิภาค และวางตัวเป็นพี่ใหญ่ของอาเซียนจึงออกโรงออกแรงเดินสายหารือกับสิงคโปร์ บรูไน มาเลเซีย ในการที่หาทางแก้ไขปัญหาพม่าโดยการใช้กลไกของอาเซียน ซึ่งเท่าที่อ่านมาก็มีหลายประเทศนอกภูมิภาคที่สนับสนุนแนวทางนี้

จึงเป็นที่มาของการทูตในแบบลับๆ ของการพบปะสามฝ่ายระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศพม่ากับอินโดนีเซีย (ที่บินเข้ามาเงียบๆก่อนหน้า) และไทย (ในฐานะเจ้าบ้าน) เมื่อวานนี้ (แต่แถมด้วยมีผู้นำแถวนี้โผล่ไปเจ๋อกับเขาด้วยแบบเผื่อได้หน้าอะไรกับเขาบ้าง ซึ่งที่จริงคือมันผิดมากๆ หลายเด้ง)

เรื่องนี้ในแวดวงทางการทูตใครๆ ต่างก็รู้ดีว่าเป็นความริเริ่มของฝ่ายอินโดนีเซีย ส่วนไทยไม่มีปัญญาความคิดอะไรเองได้เพราะตัวเองก็สันหลังหวะ พูดไปก็เข้าเนื้อเข้าตัวเอง ก็ทำหน้าที่ได้แค่เอื้อเฟื้อสถานที่ให้เขาหารือกัน โดยเป็นเพียงตัวประกอบ เพราะไม่มีข้อเสนอที่สร้างสรรค์อะไร เป็นได้แค่อารมณ์ประมาณเด็กเสริฟน้ำ เก็บจานล้างจาน

ที่พอเขาคุยเสร็จแล้วก็กลับกันไป

แต่ก็เอาเถอะ เอื้อเฟื้อสถานที่ก็ยังดี ถือว่าได้มีส่วนช่วยเหลือการดำเนินของอาเซียนบ้าง แม้จะไม่มีอะไรเลยในแง่สารัตถะก็ตาม และอย่างน้อยมันก็อาจช่วยแก้ไขอะไรในพม่าได้บ้าง ผมเองมองว่าถ้าทางกองทัพพม่าเขามั่นใจว่าคุมสถานการณ์เอาอยู่ได้จริงร้อยเปอร์เซ็นต์ เขาคงไม่น่าบินมาคุยด้วยหรอกนะ

แต่ที่มัน fail มาก ผิดหลายเด้งคือที่ผู้นำแถวนี้รีบแจ้นไปพบฝ่ายพม่าที่สนามบินด้วยทั้งๆ ที่เขามีตำแหน่งที่ต่ำกว่า และก็มีรองนายก/รัฐมนตรีต่างประเทศไทยไปอยู่แล้ว โดยไม่ได้มีส่วนช่วยในการหารือในด้านสารัตถะแต่อย่างใด ซึ่งสิ่งนี้มันมองได้เช่นกันว่า ในขณะที่ทั่วโลกเขาประณามสิ่งที่เกิดขึ้นและรัฐบาลทหารพม่า การที่ผู้นำไทยทำเช่นนี้ ย่อมไม่ต่างกับการให้การรับรองรัฐบาลเผด็จการทหารพม่าอย่างหนึ่งนั่นเอง (ชึ่งเห็นได้ชัดจากภาพประกอบของ MRTV ของพม่าว่าฝ่ายเขาก็เอาการพบปะกับผู้นำไทยไปขยายผลสร้างการยอมรับ ความชอบธรรมเช่นกัน)

ก็ไม่รู้ไปทำไม ไม่รู้มีใครทักท้วงบ้างไหม คือคงอาจอยากได้หน้ากับเขาบ้าง แต่จริงๆคือผิดมากที่ทำแบบนี้นะครับ อย่างน้อยๆก็ผิดสามเด้ง

  • 1.ผิดมารยาท ทางการทูตและทำให้ประเทศชาติเสียศักดิศรี
  • 2. ผิดในแง่การต่างประเทศ ที่ทั่วโลกเขาต่างรุมประณามพม่าอยู่ขณะนี้ ซึ่งทำให้มองได้ว่าเป็นการให้การรับรองเผด็จการทหารพม่าอย่างหนึ่ง
  • 3. ผิดกฎหมาย ที่ตัวเองกำหนดเอง เพราะไม่มีการกักตัวคนเดินทางเข้าประเทศก่อนด้วย การพบปะกันก็เพียงใส่หน้ากากอนามัยแค่นั้นเอง

จะอ้างว่ามีความห่วงกังวลมากต่อสถานการณ์ในพม่าจึงต้องไปเอง แล้วฟังรายงานจากลูกน้อง หน่วยต่างๆ มากมายเอาไม่ได้หรือ? ที่ไปแล้วตัวเองมีข้อเสนออะไรที่สร้างสรรค์จะไปคุยกับเขาหรือ ก็เปล่าอีก แล้วก็มาอ้างว่าการไปนี่คือ “การให้เข้าเยี่ยมคารวะ” ทั้งๆที่ตัวเองตำแหน่งสูงกว่าแต่กลับเป็นฝ่ายแจ้นไปพบเขาเอง ก็ไม่ทราบใครคิดคำอธิบายแก้ต่างนี้ มันไม่ฉลาดและเชยมากนะครับ

หรือว่าเดี๋ยวนี้ผู้นำไทยนั่งทำงานอยู่ที่สนามบินนี่เอง 555

รัศม์ ชาลีจันทร์ อดีตเอกอัครราชทูตหลายประเทศ และ อดีตรองอธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน