เมื่อ 10 มี.ค. บีบีซีรายงานว่า สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชซีอาร์) แถลงแสดงความกังวลต่อสวัสดิภาพของผู้ลี้ภัยชาวมุสลิมโรฮิงยามากกว่า 100,000 คนในจำนวนนี้อยู่ที่ค่ายกูตูปาลอง 85,000 คน และค่ายบาลูกาลีอีก 23,000 คน ทางตอนใต้ติดพรมแดนบังกลาเทศ-พม่า เนื่องจากอยู่ในแนวเคลื่อนของพายุฤดูมรสุม อีกทั้งเป็นพื้นที่ซึ่งมีปริมาณน้ำฝนมากที่สุดในประเทศ ส่งผลให้ค่ายพักพิงขนาดใหญ่ 2 แห่งนี้มีแนวโน้มถูกน้ำท่วม และดินโคลนจากภูเขาถล่มทับ

สำนักงานยูเอ็นเอชซีอาร์ระบุอีกว่า หนึ่งในสามของพื้นที่ค่ายกูตูปาลอง และค่ายบาลูกาลี มีความเสี่ยงน้ำท่วมสูง ส่งผลให้องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (ไอโอเอ็ม) และโครงการอาหารโลก (ดับเบิลยูเอฟพี) ต้องเร่งขุดดินเหนือค่ายเป็นบริเวณกว้างกว่า 310 ไร่ เพื่อทำเป็นทางระบายและชะลอน้ำป่า รวมถึงดินโคลนถล่มที่จะพุ่งถล่มเข้าสู่ค่ายพักพิง

ด้านนายชาห์ คามัล เลขาธิการสำนักงานบริหารจัดการภัยพิบัติบังกลาเทศ กล่าวว่ากำลังประสานงานกับหน่วยงานสหประชาชาติเพื่อโยกย้ายชาวโรฮิงยาราว 133,000 คนออกจากพื้นที่เสี่ยงภัย ขณะที่เดียวกันรัฐบาลบังกลาเทศยังเดินหน้าแผนอพยพชาวโรฮิงยากว่า 100,000 คนไปอยู่อาศัยที่ค่ายพักพิงชั่วคราวบนเกาะร้างในอ่าวเบงกอล ระหว่างรอการคืนถิ่นกลับไปยังรัฐยะไขา ทางตะวันตกของพม่า

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน