เมื่อวันที่ 13 เม.ย. บีบีซีรายงานว่า ทางการรัสเซียเตือนสหรัฐอเมริกาว่าการตัดสินใจเปิดปฏิบัติการทางทหารต่อซีเรีย พันธมิตรของรัสเซีย จะสามารถนำไปสู่การเปิดฉากสงครามระหว่างรัสเซียกับสหรัฐได้ ภายหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ พร้อมทางการอังกฤษและฝรั่งเศส อยู่ในขั้นเตรียมการภารกิจทางทหาร โดยผู้นำสหรัฐระบุอีกครั้งว่าจะตัดสินใจในเวลาไม่นาน เพื่อตอบโต้กองทัพซีเรีย และประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ซึ่งสหรัฐและชาติตะวันตกถือว่าเป็นอยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีพลเรือนด้วยแก๊สคลอรีน ที่เมืองดูมา แคว้นโกตาตะวันออก ที่เพิ่งตกอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลซีเรีย หลังฝ่ายต่อต้านยอมถอนกำลังถอยขึ้นไปทางภาคเหนือของประเทศ เพราะเสียหายหนักจากการถูกโจมตีด้วยอาวุธเคมี

ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด

นายวาสซิลี นีเบ็นเซีย เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติ หรือยูเอ็น กล่าวยอมรับว่า สถานการณ์ในขณะนี้ถือว่าอันตรายอย่างยิ่ง โดยความจำเป็นเร่งด่วนอันดับแรกตอนนี้คือการเปลี่ยนทิศทางของพัฒนาการที่จะนำไปสู่สงครามใหญ่ พร้อมกล่าวหาว่าพฤติกรรมของสหรัฐกำลังทำให้สันติภาพของประชาคมโลกอยู่บนความเสี่ยง

ภาพเด็กที่กำลังเข้ารับการรักษาหลักกลายเป็นเหยื่ออาวุธเคมี / REUTERS

“โชคไม่ดีนัก เพราะทางรัสเซียเราไม่สามารถตัดความเป็นไปได้ใดๆ ออกได้” และว่าความเสี่ยงต่อการลุกลามของการสู้รบนั้นอาจเกิดขึ้นได้เพราะรัสเซียมีฐานทัพและกำลังทหารในซีเรีย นอกจากนี้ นายนีเบ็นเซีย ยังขอให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นเอสซี เปิดประชุมอีกเพื่อหาทางออกจากกรณีที่สหรัฐอาจเปิดปฏิบัติการทางทหารต่อซีเรีย

นางเธเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ / AFP PHOTO / Jonathan NACKSTRAND

ด้านความเคลื่อนไหวของนางเธเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ หลังเรียกประชุมคณะรัฐมนตรี ระบุว่า มีความเป็นไปได้สูงที่ทางการซีเรียอยู่เบื้องหลังการโจมตีด้วยอาวุธเคมี และว่าจะร่วมทำงานกับสหรัฐอย่างใกล้ชิดในขั้นต่อไป ส่วนประธานาธิบดีเอมมานูแอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส ระบุว่า มีหลักฐานชัดเจนว่าทางการซีเรียอยู่เบื้องหลังการโจมตีดังกล่าว และฝรั่งเศสจะดำเนินการตอบโต้ซีเรีย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน