เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 18 พ.ย. สมเด็จพระรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง พร้อมด้วยพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งดำเนินเป็นวันที่ 36 ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย หน้าพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิอดุลยเดช ทรงกราบหน้าพระโกศพระบรมศพ หลังจากนั้นทรงจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร ที่หน้าพระแท่นพระมหาเศวตฉัตร จากนั้นถวายภัตตาหารเช้าแด่พระพิธีธรรม 8 รูป จากวัดจักรวรรดิราชาวาสวรมหาวิหาร และวัดอนงคารามวรวิหาร ที่สวดพระอภิธรรมมาตั้งแต่ค่ำวันที่ 17 พ.ย.

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นวันที่ 21 ที่มีพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ได้ตั้งแต่เวลา 08.00-21.00 น. (ยกเว้นช่วงมีพระราชพิธีบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท) โดยมีประชาชนจากทั่วทุกสารทิศสวมชุดไว้ทุกข์สุภาพเรียบร้อยเดินทางมาเฝ้ารอต่อคิวเพื่อเข้าสักการะพระบรมศพตั้งแต่เช้ามืด ซึ่งเจ้าหน้าที่เปิดให้ประชาชนเข้าทางประตูวิเศษไชยศรีอย่างเป็นระเบียบ ในเวลา 05.00 น. จากนั้นได้เปลี่ยนทางเข้าเป็นทางประตูมณีนพรัตน์ ถนนหน้าพระลาน ในเวลา 08.30 น. เพื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดารามเข้าทางประตูวิเศษไชยศรี

 

ทั้งนี้ พสกนิกรที่มากราบสักการะพระบรมศพทุกคนยังคงอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจ หลายคนกอดพระบรมฉายาลักษณ์ที่นำมาจากบ้านไว้แนบอกตลอดเวลา และเมื่อได้เข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพแล้ว สำนักพระราชวังแจกภาพพระบรมโกศพระบรมศพ พิมพ์ 4 สี ขนาด 5 คูณ 7 นิ้ว ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่พสกนิกรทุกคนเก็บไว้เป็นที่ระลึกด้วย

 

สำนักพระราชวังแจ้งยอดพสกนิกรเข้าสักการะ

วันที่ 18 พ.ย. สำนักพระราชวังได้สรุปยอดรวมประชาชน ที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 17พ.ย. หลังสำนักพระราชวัง ปิดไม่ไห้ประชาชนเข้าพระบรมมหาราชวัง เพื่อขึ้นกราบสักการะพระบรมศพสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในเวลา 21.00 น. ว่ามีจำนวนทั้งสิ้น 34,566 คน รวม 20 วันมี 598,808 คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงิน 3,730,514.50 บาท รวม 20 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 42,627,291 บาท

ชาวภูฏานเข้าสักการะพระบรมศพ

นายดาว่า เชอริ่ง มัคกุเทศก์ชาวภูฏาน วัย 31 ปี ใส่ชุดประจำชาติที่เรียกว่า “โก (GHO)” เดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพด้วยความเคารพและศรัทธาในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จึงชักชวนแฟนสาวชาวไทย น.ส.ปรารถนา สมชะนะ แอร์โฮสเตสสายการบินกาต้าแอร์เวย์วัย 40 ปี บินตรงจากประเทศภูฏาน มาถวายสักการะพระบรมศพ ที่ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท โดยเผยว่า มาต่อแถวเหมือนกับประชาชนคนไทยตั้งแต่ตี 3 จึงได้เห็นความจงรักภักดีของคนไทย ที่ตั้งใจมาถวายสักการะโดยไม่ย่อท้อ รู้สึกภาคภูมิใจแทนคนไทยที่มีพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งพวกเราชาวภูฏานรักและเคารพในหลวง ร.9 มาก

“สมเด็จพระราชาธิบดี จิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก มาถวายความอาลัยในฐานะเป็นตัวแทนชาวภูฏานครั้งหนึ่งแล้ว วันนี้ตนตั้งใจมาเป็นตัวแทนของครอบครัว ซึ่งมีความจงรักภักดีแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อทราบถึงพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่ที่ทรงทำเพื่อพัฒนาชาติ นอกจากบำบัดทุกข์บำรุงสุขคนไทยแล้ว พระประมุขของเรายังได้น้อมนำพระราชดำริด้านต่างๆ มาเป็นต้นแบบ เพื่อปรับใช้ให้เหมาะสมกับประเทศของเรา” นายดาว่า กล่าวด้วยความซาบซึ้ง

พสกนิกรทั่วทุกสารทิศเข้าสักการะ

s__14721377

ขณะที่ น.ส.เบ็ญจนี บุญช่วย อายุ 26 ปี พสกนิกรจาก จ.ระยอง เดินทางมาพร้อมเพื่อนร่วมงาน
น.ส.ชลิดา สุวรรณนาคร อายุ 28 ปี พสกนิกรจาก จ.ชลบุรี พร้อมครอบครัวตอนตี 4 และได้เข้ากราบสักการะพระบรมศพ ประมาณ 8 โมงเช้า ทั้งคู่เล่าพร้อมน้ำตาที่ไหลเอ่อว่า รู้สึกตื้นตันใจอย่างมากที่ได้เข้ากราบพระบรมศพในหลวง ร.9 ครั้งหนึ่งในชีวิต ถ้าถามว่ารักในหลวง ร.9 แค่ไหน บอกได้เพียงรักมาก ท่านทรงเป็นกษัตริย์ที่ทรงพระปรีชาสามารถและรักพสกนิกรทุกคนอย่างเท่าเทียม จึงอยากเดินตามรอยพระองค์พร้อมกับน้อมนำสิ่งที่ทรงสอนสั่งมาใช้เป็นหลักในการดำเนินชีวิต อย่างเรื่องการทำงานก็ต้องทำด้วยความเต็มใจ ให้สุดความสามารถ

น.ส.เบ็ญจนี กล่าวด้วยว่า ตอนที่ใช้ชีวิตอยู่ที่ จ.นราธิวาสมีโอกาสได้รอรับเสด็จในหลวง ร.9 ที่เสด็จพร้อมด้วยสมเด็จเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี แม้จะเพียงแค่อยู่ริมทางแล้วขบวนเสด็จเคลื่อนผ่านก็ตื้นตันใจแล้วน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว มาวันนี้ไม่มีพระองค์ท่านแล้วใจหายแบบบอกไม่ถูก สำหรับใครที่ยังไม่มีโอกาสมาอยากให้เตรียมตัวให้พร้อมโดยเฉพาะเรื่องเครื่องแต่งกายต้องให้เหมาะสมเพื่อเป็นการถวายพระเกียรติพระองค์ท่าน

ด้าน นายมด โชติชนาวดี อายุ 34 ปี อาชีพธุรกิจส่วนตัว และนายราช กุ มาร์ อายุ 27 ปี ชาวพม่า อาชีพธุรกิจส่วนตัว เดินทางจาก ต.ป่าตอง อ.กระทู้ จ.ภูเก็ต โดยเข้าคิวตั้งแต่ตี 2 และได้เข้าสักการะพระบรมศพตอน 9 โมงเช้า นายมด เปิดเผยด้วยสีหน้าเศร้าว่า เราตั้งใจมาสักการะพระบรมศพในหลวง ร.9 ด้วยความรักที่มีต่อพระองค์ท่าน หากถามว่าทำไมถึงรักพระองค์ท่าน คงตอบไม่ได้ เพราะมันล้นออกมาจากใจ สิ่งที่พระองค์ท่านทำนั้นกว้างมาก หากเปรียบเทียบคงเป็นเหมือนตั้งแต่ ก-ฮ ซึ่งมากมายเหลือเกิน

ขณะที่ นายราช กุ มาร์ ชาวพม่า เปิดเผยสั้นๆ ว่า ตนอยู่ประเทศไทยมา 9 ปีแล้ว เมื่อตอนในหลวง ร.9 เสร็จสวรรคตตนก็รับรู้ถึงความรู้สึกของคนไทยได้ทันที จึงตั้งใจเดินทางมาเข้าสักการะพระบรมศพในวันนี้ และรู้สึกเศร้าและเสียใจเช่นกัน

พระบรมฯ พระราชทานอาหารต่อเนื่อง เตรียมย้ายเต๊นท์ไปทิศเหนือสนามหลวงพรุ่งนี้

ที่เต็นท์หน่วยทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ซึ่งตั้งอยู่บริเวณท้องสนามหลวงฝั่งทิศใต้ ฝั่งตรงข้ามประตูมณีนพรัตน์ พระบรมมหาราชวัง สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงห่วงใยพสกนิกรที่เดินทางมาแสดงความอาลัย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร นำอาหาร ขนม ผลไม้ ของว่าง และน้ำดื่มพระราชทานมาแจกจ่ายให้ประชาชน

สำหรับเมนูอาหารพระราชทานแจกจ่ายประชาชนประจำวันที่ 18 พ.ย. มื้อเช้าเวลา 07.00 น. ประกอบด้วย ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นน้ำใน 1,500 ถ้วย กาแฟสดบาเรสต้า 600 แก้ว นมหนองโพ2,000 กล่อง มื้อเที่ยงเวลา 11.00 น. ข้าวราดแกงใต้ 2,000 จาน ไส้กรอกอีสาน 1,000 จาน ขนมไทย 300 ชุด มื้อบ่ายเวลา 16.00 น. ขนมไทย 1,000 กล่อง พายไก่-พัฟผักโขม-แยมโรล 1,000 กล่อง เฉาก๊วยชากังราว 1,000 ถุง และมื้อเย็นเวลา 18.00 น.ข้าวเหนียวไก่ทอด 5,000 ชุด ขณะเดียวกันมีน้ำดื่มสมุนไพร 500 ลิตรและน้ำดื่มจิตรลดาให้บริการประชาชนตลอดทั้งวัน

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่กองงานส่วนพระองค์ฯ แจ้งว่า ในวันพรุ่งนี้ (19 พ.ย.) จะทำการย้ายจุดตั้งเต็นท์หน่วยทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ฯ ไปยังบริเวณท้องสนามหลวง ฝั่งทิศเหนือเยื้องกันพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ โดยจะรวมอยู่ภายในศูนย์อาหารบริการประชาชนที่แบ่งเป็นสัดส่วน อย่างไรก็ตามยังคงมีอาหาร ขนม เครื่องดื่มไว้บริการประชาชนครบ 4 มื้อดังเดิม ด้านทีมแพทย์ประจำพระองค์จะย้ายไปรวมกับศูนย์แพทย์ที่อื่นๆ บริเวณกึ่งกลางท้องสนามหลวง เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย และบริการประชาชนได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน