เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 16 ก.ย. ที่กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (191) พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผบก.สปพ. พร้อมเจ้าหน้าที่สายตรวจและน.ส.อัจฉรา หรือเอ๋ ทองเทพ อดีตดารานักแสดงชื่อดัง และอดีตนางเอกปลาบู่ทอง ร่วมกันแถลงจับกุมน.ส.วิไลพร หรือฝน แจ่มใส อายุ 22 ปี ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงและนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐม ที่ จ.352/2559 ลงวันที่ 28 มิถุนายน 2559

 

s__3645454
พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากน.ส.อัจฉรา เข้าความแจ้งผ่านโครงการ You wiil never walk alone ว่ามีผู้แอบอ้างเป็นชาวต่างชาติผ่านเครือข่ายเฟซบุ๊ก ได้ติดต่อผ่านมายังผู้เสียหายพูดคุยตีสนิทจนเชื่อใจ อ้างว่าต้องการย้ายมาอยู่ประเทศไทย โดยจะส่งของผ่านทางด่านตรวจศุลกากร แต่เกิดขัดข้อง ไม่สามารถนำของออกมาจากด่านตรวจได้ ต้องเสียภาษีและค่าดำเนินการ น.ส.อัจฉรา หลงเชื่อโอนเงินไปให้ 2 ครั้ง มูลค่ารวม 80,000 บาท ต่อมาก็ได้ติดต่ออีกว่าทรัพย์สินดังกล่าวเป็นทองคำมูลค่ามหาศาล ต้องเสียเงินเพิ่มอีกกว่า 200,000 บาท น.ส.อัจฉรา เกิดเอะใจและแจ้งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบใช้เวลา 4 เดือน จึงสามารถขยายผลจับกุมได้ในที่สุด โดยน.ส.วิไลพร นั้นมีหน้าที่ปลอมเฟซบุ๊กใช้ชื่อฝรั่งแล้วประสานข้อมูลกับคนผิวสีซึ่งอยู่ต่างประเทศ อีกทั้งยังอ้างว่าทำงานอยู่ในเรื่องชิปปิ้งนำเข้าสินค้าผ่านทางศุลกากร พูดคุยให้ผู้เสียหายหลงเชื่อและโทรศัพท์ติดต่อขอให้โอนเงินเพื่อให้สินค้าได้ออกจากด่านตรวจศุลกากร

 

s__3645457
ด้านน.ส.อัจฉรา กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ น.ส.วิไลพร ได้เข้ามาตีสนิททางเฟซบุ๊ก อ้างว่าป่วยโรค เอสแอลอี เหมือนกัน และแสดงความเห็นอกเห็นใจ ก่อนจะติดต่อกันเรื่อยมาจนมีความสนิทสนมกัน จากนั้นน.ส.วิไลพร ก็อ้างว่าแฝนชาวต่างชาติซึ่งเป็นเศรษฐีจะมาอาศัยอยู่ที่เมืองไทย พร้อมทั้งบอกว่าจะส่งของมาให้ แต่ถ้าส่งมาที่ น.ส.วิไลพร จะเสียค่าใช้จ่ายเยอะ เพราะน.ส.วิไลพร อยู่ต่างจังหวัด จึงบอกว่าขอที่อยู่ของ น.ส.อัจฉรา เพราะอยู่ที่ กทม.จะเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่า ด้วยความเชื่อใจ น.ส.อัจฉรา จึงให้ส่งที่อยู่ไปให้เพื่อไว้รับของ ระหว่างนั้นตนก็ได้รับการติดต่อจากชาวต่างชาติชื่อเดวิด อ้างว่าเป็นสามีของ น.ส.วิไลพร ติดต่อมาทางเฟซบ๊ก บอกว่าของมาถึงแล้วแต่ติดอยู่ที่ศุลกากร ต้องนำเงินไปเสียค่าใช้จ่ายจึงจะนำออกมาได้ ขณะเดียวกัน น.ส.วิไลพร ก็ปลอมตัวเป็นชิปปิ้ง ลวงว่าของมาถึงแล้วแต่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ซึ่งน.ส.อัจฉรา จึงโอนเงินไป 2 ครั้ง รวมแล้วเป็นเงินกว่า 80,000 บาท จากนั้นก็อ้างอีกว่าทรัพย์สินดังกล่าวเป็นของมีค่า ต้องเสียเงินค่าใช้จ่ายอีก 2 แสนบาท ตนจึงเอะใจ ก่อนนำเรื่องมาปรึกษาตำรวจ และติดตามจับกุม น.ส.วิไลพร ได้
“พอรู้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับตัวผู้ต้องหาได้รู้สึกดีใจมาก ไม่คิดว่าจะทำงานได้รวดเร็วขนาดนี้ และเมื่อตนมาเจอหน้าผู้ต้องหา ตนรู้สึกแค้นมากมือไม้สั่นไปหมด อยากจะกระโดดถีบให้หายแค้น คุณเอาเงินค่าเรียนของลูกฉันไป ยิ่งไปเห็นภาพในเฟซบุ๊กที่โพสต์ ใช้ชีวิตอย่างหรูหรา ซื้อทอง ซื้อของใช้มีราคา แล้วจะสร้างบ้านใหม่อีก แต่ต้องห้ามใจไว้ เพราะกลัวทำไปแล้วจะตกเป็นผู้ต้องหาทำร้ายร่างกาย จึงได้ยืนดูด้วยความเคียดแค้น หลังจากเรื่องนี้เกิดขึ้นทำให้ตนรู้สึกหวาดระแวง ทำให้ไม่ไว้ใจคนที่บอกว่าเป็นโรคเดียวกับเรามาเห็นใจเรา ทำให้เราต้องไปตรวจสอบคนที่ให้กำลังใจเรา” น.ส.อัจฉรา กล่าว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาคุมตัวน.ส.วิไลพรและจะขยายผลไปยังเครือข่ายเบื้องหลังต่อไป ทั้งนี้น.ส.วิไลพรมีหมายศาลที่จังหวัดมีนบุรีอีกด้วย พร้อมทั้งอยู่ระหว่างการออกหมายจับอีก 4 สน. ซึ่งจะได้ขยายผลคุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน