เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 19 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 9 หมู่ 1 บ.พระซองใหญ่ ต.พระซอง ในเขตเทศบาล ต.พะซอง อ.นาแก จ.นครพนม ซึ่งเป็นบ้านของนายเหลือ พ่อบำรุง เหยื่อในคดีถูกรถยนต์ชนจนเสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อเวลา 19.30 น.วันที่ 11 มี.ค.2548 ต่อมาศาลฎีกาตัดสินจำคุกนางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อายุ 56 ปี อดีตครูโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร หลังครูจอมทรัพย์ติดคุกนาน 1 ปี 6 เดือนก็ได้รับการอภัยโทษออกมา และร้องเรียนกระทรวงยุติธรรม เพื่อให้รื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่ โดยระบุว่าไม่ได้ขับรถชน

เมื่อผู้สื่อข่าวไปถึงบ้านครึ่งปูนครึ่งไม้ 2 ชั้นหลังดังกล่าว พบนางแพงศรี พ่อบำรุง วัย 60 ปี บุตรสาวของนายเหลือ ผู้ตาย พร้อมญาติจำนวนหนึ่งนั่งอยู่บนแคร่หน้าบ้าน โดยนางแพงศรีเล่าย้อนถึงเหตุการณ์ในคืนเศร้าสลดว่า นายเหลือ บิดาตนก่อนถูกรถชนตาย ขณะนั้นมีอายุ 75 ปี แม้เวลาจะผ่านมานาน 12 ปี แต่ก็ทำใจได้แล้ว และในวันนี้ตนขออโหสิกรรมกับผู้ที่ขับรถชนบิดาตนวันนั้นด้วยว่า “ใครทำดีก็ได้ดี ใครทำชั่วก็ได้ชั่วตามนั้นกฎแห่งกรรมมีจริง”

นางแพงศรีเล่าถึงเหตุการณ์ว่า ก่อนเกิดเหตุนายเหลือบิดาได้ชักชวนเพื่อนผู้เฒ่า ซึ่งเป็นชาย 2-3 คน ปั่นรถจักรยานคนละคันเพื่อจะไปดูหมอลำซิ่ง ซึ่งอยู่ห่างจากตัวบ้านพักประมาณ 300 เมตร โดยมีบิดาตนปั่นนำหน้าออกไปก่อนเพื่อนรุ่นเดียวกัน หลังปั่นเลาะเลนซ้ายข้ามสะพานลำน้ำบังไปได้ 100 เมตร ฝั่งขาออกตัวตำบล มุ่งหน้าไป บ.สร้างเม็ก หมู่ 7 ซึ่งมีงานบุญแจกข้าวฝั่งขวามือของริมถนน

แต่ก่อนจะถึงตัวงานแค่ 100 เมตร ได้มีรถยนต์คันที่ก่อเหตุขับแซงรถจักรยานยนต์ข้ามฝั่งกินเลนพุ่งชนบิดาตนจนกระเด็นตกกลางถนนเสียชีวิตคาที่ จึงขึ้นรถตามไปรอรับศพที่โรงพยาบาลร้องให้ไปน้ำตาไหลพราก

นางแพงศรีกล่าวต่อไปว่า หลังจากญาติแจ้งข่าวให้ทราบ ตนจึงไปดูจุดเกิดเหตุพร้อมกับนายจัตตุพล พลครอง บุตรชายวัย 38 ปี พบที่เกิดเหตุมืดมาก บิดาตนมีเลือดทะลักออกปาก ขาขวาหัก ส่วนจักรยานล้อหน้าพับเป็นเลขแปด ต่อมาหลังคดีสิ้นสุดตนได้ขายเป็นเศษเหล็กไปแล้ว หลังจากบิดาตนถูกรถชน คนขับรถได้หลบหนีไป จึงได้ให้นายสว่าง พ่อบำรุง อายุ 64 ปี ผู้เป็นอาไปแจ้งความเอาผิดกับคนร้ายผู้ที่ขับรถชนแล้วหลบหนีที่ สภ.นาโดน ในพื้นที่ของ อ.เรณูนคร รอยต่อกับ ต.พระซอง

“เวลาผ่านไปทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมครูจอมทรัพย์ ผู้ขับรถชนพ่อได้แล้ว แต่แล้วจู่ๆหลังเกิดเหตุ ได้มีกลุ่มบุคคลมาพบที่บ้านเพื่อจะทำสัญญาจ่ายเงินให้ 100,000 บาท แต่ฉันร้องขอเงิน 150,000 บาทในสัญญาระบุจะจ่ายเงินให้ตนวันที่ 2 ธ.ค.2556 แต่ก็ไม่ได้มาจ่าย ต่อมามีหนังสือจากศาลจังหวัดนครพนมนัดให้ไปรับเงินที่ศาลในวันที่ 2 ธ.ค.2557 ขณะไปที่ศาลก็ได้พบกับครูจอมทรัพย์อยู่ในชุดนักโทษเรือนจำพร้อมผู้คุมมาด้วย แต่ก็ไม่ได้พูดคุยกันเพราะนั่งคนละฝั่ง เนื่องจากยังน้อยใจที่ฉันคิดว่าครูคนนี้ขับรถชนบิดาตนเสียชีวิต ทำไมไม่มีญาติครูมาร่วมงานศพเลย” บุตรสาวเหยื่อรถชน กล่าว

นางแพงศรีกล่าวด้วยว่า หลังศาลนัดให้มารับเงิน 150,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยรวมเป็นเงิน 170,000 บาท แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นเงินของผู้ใดในศาลยังได้พบกับนายสับ วาปี ผู้ซึ่งตนทราบภายหลังว่าเป็นผู้ออกมายอมรับสารภาพผิดว่าเป็นคนขับรถชนบิดาตนตาย จึงได้อโหสิกรรม ไม่ให้มีเวรซึ่งกันและกัน

ต่อมานางแพงศรี พร้อมญาติ 4-5 คนได้นำผู้สื่อข่าวขึ้นรถตู้ของบุตรชาย เพื่อนำไปชี้จุดเกิดเหตุ พร้อมกับนำภาพถ่ายนายเหลือบิดาไปด้วย ระหว่างนั่งรถตู้กลับจากที่เกิดเหตุ นายแพงศรีน้ำตาอาบแก้มจนต้องใช้ผ้าเช็ดหน้ามาซับ พร้อมกล่าวว่า ใครก็ตามที่เป็นผู้ขับรถชนบิดาตน แม้แรกๆจะรู้สึกเสียงใจร้องไห้หนักมาก แต่วันนี้อโหสิกรรมให้แล้ว และใครจะเป็นคนชนก็ขอให้เป็นเรื่องกระบวนการยุติธรรม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน