เมื่อวันที่ 7 มี.ค. ในการพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ บำเพ็ญกุศลอุทิศถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง นับเป็นวันที่ 45 หลังเสร็จสิ้นพิธีหลวง หรือพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสตมวาร (100 วัน) ถวายพระบรมศพ

การนี้สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชานุญาตให้ราชสกุล องคมนตรี คณะรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรม องค์กรอิสระ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน ร่วมเป็นเจ้าภาพในการบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ โดยแบ่งออกเป็น 4 รอบ เวลา 10.00 น., 14.30 น., 17.00 น. และเวลา 19.00 น. รอบละ 11 คณะ คณะละ 50 คน หมุนเวียนจนกว่าจะครบจำนวนเจ้าภาพตามที่แสดงความจำนง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้สำนักพระราชวังเปิดให้ประชาชนเข้ากราบสักการะเป็นวันที่ 125 ตลอดทั้งวันมีพสกนิกรสวมชุดสุภาพสีดำเดินทางมากราบสักการะพระบรมศพเป็นจำนวนมากตั้งแต่เช้ามืด แม้ว่าสภาพอากาศจะร้อนอบอ้าวตลอดทั้งวัน ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อปวงชนชาวไทยมาตลอดระยะเวลา 70 ปี และเมื่อประชาชนได้เข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพแล้ว สำนักพระราชวังแจกภาพพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พิมพ์ 4 สี ขนาด 5 คูณ 7 นิ้ว ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่พสกนิกรทุกคนเก็บไว้เป็นที่ระลึก

โดยตลอดทั้งวันมีเจ้าภาพที่ร่วมในการบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ อาทิ ศาลอาญา, ศาลแรงงานกลาง, ชมรมพัฒนาสัมพันธ์ระดับผู้บริหารจังหวัดชายแดนใต้, ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ, ศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์, ศาลจังหวัดสมุทรปราการ, ศาลแรงงานภาค 3, บริษัทเบทาโกร จำกัด (มหาชน), มูลนิธิสกุลสิงหเสนี สิงหเสนีสมาคม สมาชิกสกุลสิงหเสนีและสายสัมพันธ์, มูลนิธิอัฎฐมราชานุสรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ และวัดสุทัศน์เทพวราราม, มูลนิธิสุนันทากุมารีรัตน์และมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา, มูลนิธิช่วยนักเรียนที่ขาดแคลน ในพระบรมราชินูปถัมภ์, มูลนิธิคอลฟีลด์เพื่อคนตาบอด ฯลฯ

สำนักพระราชวังได้สรุปยอดรวมประชาชน ที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 6 มี.ค. หลังสำนักพระราชวัง ปิดไม่ให้ประชาชนเข้าพระบรมมหาราชวัง เพื่อขึ้นกราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในเวลา 21.05 น.ว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 25,200 คน รวม 124 วัน มี 5,000,813 คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงิน 1,981,397 บาท รวม 124 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 422,022,202.34 บาท

นายซันเกย์ เทเชอริง ครูชาวภูฏาน

เวลา 16.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีคณะอาจารย์จากประเทศภูฏาน 25 คน สวมชุดประจำชาติ เดินทางมายังจุดเข้าแถวที่ท้องสนามหลวง เพื่อเข้ากราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง

น.ส.หลินเฉิน เดมา อายุ 26 ปี

รศ.ดร.จีระพันธุ์ พูลพัฒน์ ที่ปรึกษาหลักสูตรการศึกษาประถมวัยและการประถมศึกษา มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ในฐานะครูคนไทยที่นำมา เปิดเผยว่า ครูชาวภูฏานมาฝึกอบรมครูที่ประเทศไทย โดยเป็นครูต้นแบบที่คัดเลือกมาแต่ละจังหวัด ซึ่งพวกเขาอยากมากราบสักการะพระบรมศพมาก เป็นความฝันของชาวภูฏาน โดยระหว่างรอแถวที่ท้องสนามหลวงได้เข้าชมนิทรรศการเย็นศิระเพราะพระบริบาล เมื่อครูชาวภูฏานได้ดูวีดิทัศน์ก็ถึงกับหลั่งน้ำตา เพราะเขารู้สึกเสียใจไม่ต่างกับคนไทย

รศ.ดร.จีระพันธุ์ กล่าวด้วยว่า เขาก็รักกษัตริย์ของเขาเหมือนกับที่เรารักกษัตริย์ของเรา และกษัตริย์ของเราก็เป็นที่รักและเคารพของชาวภูฏานเช่นกัน เมื่อในหลวง ร.9 สวรรคต ทางโรงเรียนได้หยุดทั่วประเทศ 1 วันเพื่อแสดงความอาลัยอย่างยิ่ง

นายซันเกย์ เทเชอริง ครูชาวภูฏาน วัย 40 ปี บอกเล่าถึงความรู้สึกที่ได้มากราบพระบรมศพในหลวงร.9 ว่า ตื้นตันใจ รวมถึง รักและเคารพในหลวงร.9 มาก เพราะทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์อันดีนะหว่างพระมหากษัตริย์มาอย่างยาวนาน ความรู้สึกที่ทำให้ตนเองรักพระองค์ท่านมากคือ การที่พระมหากษัตริย์จิกมี่ เสด็จฯ มาเยือนประเทศไทยบ่อยๆ ทำให้ตนเองอยากที่จะมาเคารพพระบรมศพในครั้งนี้

“ในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จสวรรคต ตนเองและชาวภูฏานรู้สึกเสียใจมาก โดยประเทศภูฏานร่วมไว้อาลัยด้วยการลดธงครึ่งเสาไปพร้อมๆ กับประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตนเองได้ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ไทย และคนไทยมาโดยตลอดทั้งผ่านหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ จนเกิดความประทับใจโดยเฉพาะในเรื่องที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงงานหนัก และเสด็จฯ ไปยังถิ่นทุรกันดารของประเทศไทยเพื่อช่วยเหลือประชาชน ตรงนี้เองที่ทำให้รักในหลวงรัชกาลที่ 9 มาก ท้ายสุดนี้อยากบอกกับคนไทยว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่สวยงาม และเต็มไปด้วยผู้คนที่จิตใจดี ผมคิดว่าการจากไปของในหลวง รัชกาลที่ 9 ครั้งนี้ จะสามารถผ่านพ้นไปได้ด้วยดี และตัวเองก็จะเป็นสวฝ่วนหนึ่งที่ช่วยให้กำลังใจในฐานะคุณครู ด้วยการนำเรื่องราวที่ตัวเองได้มาในวันนี้ไปบอกต่อกับเด็กๆ ในโรงเรียน” ครูหนุ่มชาวภูฏาน กล่าว

น.ส.หลินเฉิน เดมา อายุ 26 ปี ครูชาวภูฏานที่เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพ และเยี่ยมชมนิทรรศการเย็นศิระเพราะพระบริบาล กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ได้เดินทางมาเคารพพระบรมศพจากโครงการแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ ซึ่งประเทศไทยให้การสนับสนุน ในส่วนของการเดินทางมาเคารพพระบรมศพวันนี้มีโอกาสเข้าไปเยี่ยมนิทรรศการเย็นศิระเพราะพระบริบาล เห็นโครงการต่างๆ ที่พระองค์ ที่ทรงงานหนักเพื่อคนไทยทำให้ตนร้องไห้ ซาบซึ้งเป็นอย่างมาก ชาวภูฏานส่วนใหญ่รู้จักพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเป็นอย่างดี

พระองค์ทรงเป็นบุคคลสำคัญไม่ใช่เฉพาะเพียงต่อชาวไทยเท่านั้น แต่ยังทรงเป็นบุคคลสำคัญของโลก สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี นัมเกล วังชุก กษัตริย์แห่งราชอาณาจักรภูฏาน เองทรงยึดถือพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเป็นแบบอย่าง ในการทรงงานหนักเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของราษฎร ส่วนตนในฐานะครูรู้สึกประทับใจพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพราะพระองค์ทรงให้การสนับสนุนจัดตั้งโรงเรียนในประเทศภูฏาน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กนักเรียนที่ยากจนและอยู่พื่นที่ห่างไกล

ตนรู้สึกเสียใจอย่างมากกับชาวไทยที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักยิ่ง อย่างไรก็ตาม อยากให้ชาวไทยปฏิบัติตนเหมือนกับตอนพระองค์ยังมีพระชนมชีพอยู่ เพราะท่านยังคงสถิตย์อยู่ในใจของพวกเราเสมอ อยากให้คนไทยเดินหน้าต่อไปตามรอยเบื้องพระยุคลบาทของพระองค์ ส่วนตนจะนำเรื่องราวความประทับใจของการเดินทางมาเคารพพระบรมศพวันนี้ ไปบอกเล่าให้ครอบครัว เพื่อนๆ และเด็กนักเรียนได้รับรู้ด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน