พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ “หัวหน้าพรรคเพื่อไทย” เป็นผู้นำฝ่ายค้านฯ

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ประกาศว่า

ตามที่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีได้เข้าบริหารประเทศ
และแถลงนโยบายต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ ๒๕ – ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๒ โดยมี นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์
หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรที่มีจำนวนสมาชิกมากที่สุด นั้น

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๐๖ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณา
โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ เป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร

ประกาศ ณ วันที่ ๑๗ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ เป็นปีที่ ๔ ในรัชกาลปัจจุบัน

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
ชวน หลีกภัย
ประธานสภาผู้แทนราษฎร

ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 10.20 น. วันที่ 21 ส.ค. ที่อาคารรัฐสภา นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย เปิดเผยถึงการโปรดเกล้าฯ รับตำแหน่งเป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรว่า บทบาทผู้นำฝ่ายค้านตามข้อเท็จจริงแล้ว ไม่ใช่ว่าเราจะทำงานเป็นฝ่ายค้านของพรรคเพื่อไทยเท่านั้น แต่จะทำงานร่วมกันกับพรรคร่วมเพื่อให้มีศักยภาพสูงสุด อย่างไรก็ตามข้อมูลต่างๆ ก็ต้องช่วยกันสรรหา

ส่วนความเข้มข้นในการทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านนั้น นายสมพงษ์ กล่าวว่า การทำหน้าที่ในการอภิปรายในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน จะไม่มีกำหนดเวลา อย่างครั้งที่แล้วที่อภิปรายเรื่องนโยบายรัฐบาลก็ใช้เวลาเกินไป 20 นาที แต่ก็ยังขาดอีกหลายเรื่องที่ยังไม่ได้พูด ครั้งนี้จะมีการปรับปรุงการทำงานเพิ่มเติม หลังจากที่โปรดเกล้าฯ ตนก็จะออกคำสั่งให้ตั้งเป็นคณะทำงาน ขณะนี้วางตำแหน่งไว้ 4 ท่าน คือ ที่ปรึกษา เลขาฯ ผู้ช่วยเลขาฯ และโฆษกผู้นำฝ่ายค้าน

เรื่องการยื่นญัตติขออภิปรายทั่วไปเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญของฝ่ายค้าน นายสมพงษ์ กล่าวว่า เราได้ยื่นญัตติไปแล้ว รอเข้าสู่กระบวนการทางสภาฯ และขึ้นอยู่ว่าคนที่จะมาตอบคำถามมาหรือไม่ และเป็นหน้าที่ของประธานสภาฯ ว่าจะกำหนดให้เมื่อไหร่ ส่วนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นทุกพรรคกำลังดำเนินการอยู่ อยู่ที่ว่าจะยื่นแก้ไขทั้งฉบับ หรือแก้ไขเป็นรายมาตรา

ส่วนเรื่องที่มีกระแสข่าวว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านจะไปร่วมกับรัฐบาลนั้น นายสมพงษ์ กล่าวว่า ตนก็ได้ยินข่าวมา แต่ไม่เชื่อว่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะพรรคร่วมฝ่ายค้านมีความเข้าใจกันเป็นอย่างดี ว่าการย้ายจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งผลเสียมันอยู่ที่การปฏิบัติของตัวเอง รัฐมนตรีเขาก็แบ่งตำแหน่งกันไปแล้ว จะเข้าไปเป็นพระอันดับ มันก็ไม่ควร

เมื่อวานได้พูดคุยกันกับพรรคร่วมฝ่ายค้านทุกพรรคว่าต่อไปนี้ขอร้องเรื่องการปฏิบัติตัว เพราะระยะทางมันเดินเข้ามาแล้ว ยังมีอีกหลายก๊อก ทั้งพ.ร.บ.งบประมาณแผ่นดิน และการประเมินการทำงานของรัฐบาลนี้ คือหากยังทำงานเหมือน 5 ปีที่ผ่านมา เราก็ต้องเปิดอภิปราย


 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน