ร้องป. โดนอดีตนายทหารยศ น.ท. พร้อมเมีย ตุ๋น ฝากเข้า ร.ร.จ่าอากาศ สูญ 2.5ล้าน

วันที่ 29 ต.ค. ที่กองปราบปราม (บก.ป.) นายประจักษ์ ทรงเจริญ อายุ 51 ปี พร้อม นางเทริน คนไทย อายุ 49 ปี เดินทางเข้าพบ ร.ต.ท.ทัพพสาร ปานแสง รอง สว.(สอบสวน ) กก.1 บก.ป. เพื่อร้องขอให้ช่วยตามจับกุมตัว น.ท.พสิษฐ์ ฝ่ายบุตร อดีตนายทหารอากาศ และนางราชาวดี หรือ จันทรัสม์ ฝ่ายบุตร สองสามีภรรยา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดมีนบุรี ข้อหาร่วมกันฉ้อโกง หลังหลอกลวงเอาเงินจากนายประจักษ์ และ นางเทริน รวมถึงผู้เสียหายรายอื่นๆ เป็นเงินรวมกว่า 2.5 ล้านบาท

กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

นายประจักษ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อปี 2558 ตนและผู้เสียหายรายอื่นได้พบเห็นสถาบันกวดวิชาแห่งหนึ่งในพื้นที่สายไหม ซึ่งมี น.ท.พสิษฐ์ และ นางราชาวดี สองสามีภรรยาคู่นี้เป็นเจ้าของ ลงประกาศเปิดสอนพิเศษติวกวดวิชาสอบเข้าโรงเรียนจ่าอากาศ ด้วยความสนใจตนจึงส่งบุตรหลานไปเข้าเรียนพิเศษที่สถาบันดังกล่าว แต่เมื่อเรียนไปได้สักพัก สองสามีภรรยา ได้ทำทีมาพูดคุยกับตนพร้อมกับอ้างว่าสามารถพาบุตรหลานฝากเข้าโรงเรียนจ่าอากาศได้ เพื่อที่จบออกมาจะได้รับราชการทหาร แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องจ่ายเงินค่าดำเนินการคนละประมาณ 6.5 แสนบาท

ทั้งนี้เมื่อตนเห็นว่า น.ท.พสิษฐ์ นั้นเป็นทหารจริง จึงหลงเชื่อนำเงินมามอบให้สองสามีภรรยาคู่นี้ แต่เมื่อประกาศผลการสอบคัดเลือกกลับปรากฏว่าไม่มีรายชื่อของบุตรหลานตนเองสอบติด ทำให้เชื่อว่าถูกหลอก จึงพยายามทวงถามเงินกลับคืน แต่ก็ถูกบ่ายเบี่ยงเรื่อยมา ก่อนจะปิดสถาบันแล้วหลบหนีไป ต่อมาตนมาทราบภายหลังอีกว่า นอกจากตนแล้วยังมีประชาชนคนอื่นตกเป็นเหยื่อถูกหลอกเช่นเดียวกับตนอีก 4-5 คน รวมมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 2.5 ล้านบาท จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเข้าแจ้งความเอาผิดกับสองสามีภรรยาคู่นี้ จนมีการออกหมายจับดังกล่าว

นางเทริน ผู้เสียหายอีกราย กล่าวว่า ที่ผ่านมาคดีดังกล่าวอยู่ในชั้นศาล โดยช่วงแรกมีการเจรจาไกล่เกลี่ยให้ยอมจ่ายเงินคืน ซึ่งตกลงกันว่าจะทยอยผ่อนชำระคืนให้กับตนและผู้เสียหายคนอื่น แต่เมื่อถึงกำหนดผู้ต้องหาทั้ง 2 คนกลับขาดหายการติดต่อ ทั้งเมื่อถึงกำหนดนัดศาลก็ไม่ยอมมารายงานตัวต่อศาล ศาลจึงมีคำสั่งพิพากษาตัดสินจำคุกผู้ต้องหาทั้ง 2 คน แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีเจ้าหน้าที่หริือหน่วยงานใด ติดตามจับกุมผู้ต้องหามาดำเนินคดี ตนจึงมายังกองปราบฯเพื่อให้ตำรวจช่วยติดตามจับกุม เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้รับเรื่องดังกล่าวไว้พิจารณา ก่อนเตรียมส่งเรื่องต่อให้กับผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน