วันที่ 18 ก.ค. ที่เรือนจำกลางขอนแก่น นายบุญยง แก้วฝ่ายนอก ประธานที่ปรึกษาสภาทนายความจังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วย นายสมศักดิ์ สัตยบัญฑิต อายุ 48 ปี บิดาของ น.ส.อภิวันทน์ สัตยบัณฑิต หรือ แจ้ อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาในคดีร่วมกันฆ่าหั่นศพ น.ส.วริศรา กลิ่นจุ้ย หรือแอ๋ม ได้ร่วมกันเข้าเยี่ยมผู้ต้องหาพร้อมทั้งประสานข้อมูลในการเตรียมการสู้คดี หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมที่จะสรุปสำนวนคดีความที่เกิดขึ้นส่งให้กับอัยการ จ.ขอนแก่นแล้ว โดยใช้เวลาในการเข้าเยี่ยมนานกว่า 2 ชม. โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนหรือผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าร่วมรับฟังหรือร่วมสังเกตุการณ์แต่อย่างใด

นายบุญยง กล่าวว่า ได้รับการติดต่อจากทางบิดาของผู้ต้องหาในการให้เป็นทนายความประจำตัวของแจ้ จึงเดินทางเข้าเยี่ยมพร้อมกับครอบครัวของผู้ต้องหาเป็นครั้งแรก จากการพูดคุยทำให้ทราบว่าข้อมูลที่ไม่ตรงกับที่เป็นข่าว เพราะแจ้ยืนยันว่าไม่รู้จักกับผู้ตาย และไม่มีเรื่องโกรธแค้นใดที่จะลงมือก่อเหตุ แต่ในวันที่เกิดเหตุนั้นอยู่ร่วมในรถคันเดียวกันกับผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ประกอบด้วย นายวศิน นามพรม น.ส.ปรียานุช โนนวังชัย หรือเปรี้ยว น.ส.กวิตา ราชดา หรือเอิน และ น.ส.วริศรา กลิ่นจุ้ย หรือแอ๋ม ผู้ตาย โดยที่ เปรี้ยว ได้ชักชวนขึ้นรถคันที่ก่อเหตุไปด้วยเพื่อจะไปส่งที่บ้านพัก

“แจ้บอกว่า หลังจากถูกเปรี้ยวชักชวน จึงได้ขึ้นไปนั่งที่เบาะนั่งด้านหลังแล้วก็หลับไป มารู้ตัวอีกทีตอนที่เสียงของเปรี้ยวร้องว่า แอ๋มแน่นิ่งและไม่มีลมหายใจแล้ว จากนั้นก็ไม่ได้ทำอะไร ส่วนเหตุการณ์ที่รีสอร์ต ซึ่งเป็นสถานที่ที่หั่นศพผู้ตายนั้น น้องคนขับ ขับรถไปตามคำสั่งของเปรี้ยว ส่วนลูกความของผมนั่งในรถ รถขับไปที่ใดก็ติดรถไปด้วย การลงมือทุกขั้นตอน เปรี้ยวเป็นคนทำทั้งนั้น แจ้ แค่ร่วมในเหตุการณ์แต่ไม่ได้ลงมือฆ่าคนตาย ดังนั้นการเข้าเยี่ยมและพูดคุยกับผู้ต้องหาทำให้รู้ความจริงและรู้ช่องทางในการต่อสู้คดี”

นายบุญยง กล่าวอีกว่า เราไม่ได้ว่า แจ้ เป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ต้องสู้เพื่อให้โทษหนักได้กลายเป็นเบา เพราะ แจ้ไม่ได้ลงมือฆ่า ไม่ได้ลงมือหั่น คิดว่าจะต้องแก้ต่างและต่อสู้ในบางข้อหาได้ โดยเฉพาะในข้อหาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ซึ่งเชื่อว่าในข้อหาดังกล่าวนี้ ลูกความจะรอด เพราะไม่มีความโกรธแค้นที่จะต้องวางแผนหรือร่วมฆ่าผู้ตายดังกล่าว

นายสมศักดิ์ บิดาของแจ้ กล่าวว่า หลังทราบเรื่องว่าลูกสาวร่วมกันฆ่าคนตาย จนถูกจับเข้าคุก ก็เข้าเยี่ยมและให้กำลังใจลูกสาวทุกสัปดาห์และไม่เชื่อว่าลูกสาวจะลงมือฆ่าคนได้ จึงพยายามหาทางช่วยจากหนักเป็นเบา และให้มีโทษน้อยที่สุด เพราะลูกสาวยืนยันว่าไม่ได้ฆ่าและไม่มีเรื่องจำเป็นต้องฆ่า แต่สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นเรื่องของเปรี้ยวกับผู้ตายเท่านั้น ทั้งนี้ตั้่งแต่เกิดเหตุจนถึงการฝากขังเข้าสู่ผัดที่ 5 ครอบครัวได้หาทางช่วยเหลือมาโดยตลอด เพราะเชื่อในความจริงว่าลูกสาวไม่ได้ลงมือฆ่าใคร จึงได้หารือกับญาติพี่น้อง ในการเตรียมการที่จะต่อสู้คดี จนกระทั่งมีการแต่งตั้งนายบุญยง เป็นทนายความต่อสู้คดีดังกล่าว โดยยังคงมีความเชื่อมั่นนว่าความยุติธรรมยังคงมีอยู่ในสังคมไทย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน