จากกรณีนายวีรพงษ์ เนธิบุตร อายุ 20 ปี และนายบริสุทธิ์ สุขเพีย อายุ 22 ปี ขี่รถจยย.กระชากสร้อยคอทองคำ ของผู้เสียหายเป็นชายอายุประมาณ 60 ปี บริเวณหน้าตลาดร่วมมิตร ถนนวุฒากาศ ปากซอย 13 ท้องที่ สน.ตลาดพลู ก่อนหลบหนีและถูกพลเมืองไล่ติดตาม กระทั่งเสียหลักพุ่งชนขอบสะพาน บริเวณสะพานกลับรถหน้าหมู่บ้านชิชา ถนนพระราม 2 แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กทม. จนร่างของทั้งคู่กระเด็นตกสะพานลงมา อาการสาหัสทั้งคู่ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา ก่อนที่นายบริสุทธิ์ จะเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนนายวีรพงษ์ ยังอาการสาหัส ขณะเดียวกันญาติของผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ยังคาใจ เกรงว่าทั้งคู่จะถูกจับโยนลงมา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าวันที่ 9 ส.ค. พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ ตงเต๊า ผบก.น.8 กล่าวว่า ขณะนี้สามารถติดตามผู้เสียหายได้แล้วชื่อ นายธวัชชัย โต๊ะอร่ามกุล อายุ 61 ปี อยู่บ้านเลขที่ 125 ซอยอินทรพิทักษ์ 7 แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี กทม. โดยวันเกิดเหตุนายธวัชชัย เล่าว่าขี่รถ จยย.มาซื้อของที่ตลาดร่วมมิตรปากซอยวุฒากาศ 13 พอซื้อของเสร็จกำลังจะขี่รถกลับบ้านมุ่งหน้าไปทางแยกจอมทองตัดถนนวุฒากาศ ปรากฏว่าระหว่างทางพอขี่รถถึงช่วงฝั่งตรงข้ามซอยวุฒากาศ 28 ได้ถูกนายบริสุทธิ์ และนายวีรพงษ์ ขี่รถจยย.เข้ามาประกบ ก่อนที่จะดึงสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท พร้อมพระเลี่ยมทองที่สวมอยู่จนขาด แต่ไม่ได้ทรัพย์สินไปเนื่องจากสร้อยขาดตกหล่นลงในเสื้อของผู้เสียหายบริเวณหน้าอก จากนั้น นายอภิชาติ แซ่อุ้น อายุ 57 ปี พลเมืองดีก็ขี่รถ จยย.ไล่ติดตามรถของผู้ต้องหาไป จนกระทั่งมาทราบภายหลังว่า ผู้ต้องหาประสบอุบัติเหตุชนเฉี่ยวชนขอบสะพานจนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ

พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ กล่าวต่อว่า คดีนี้ตรงจุดที่เกิดเหตุซึ่งมีการกระชากสร้อยคอทองคำนั้น เป็นช่วงที่รถกำลังแล่นผ่านฝั่งตรงข้ามถนนวุฒากาศ ซอย 28 ซึ่งเป็นรอยต่อความรับผิดชอบของ สน.บางขุนเทียน ดังนั้นทาง บก.น.8 จึงให้ผู้เสียหายไปแจ้งความข้อหาพยายามวิ่งราวทรัพย์ กับพนักงานสอบสวน สน.บางขุนเทียนแล้ว ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า นายบริสุทธิ์ และนายวีรพงษ์ จะถูก นายอภิชาติ พลเมืองดีจับโยนลงจากสะพานหรือไม่นั้น ในความคิดส่วนตัวตนเชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากคำให้การของผู้เสียหายกับพลเมืองดีตรงกัน จากการตรวจสอบจุดเกิดเหตุช่วงสะพานกลับรถนั้นมีร่องรอยรถ จยย.ของผู้ต้องหาเฉี่ยวชนตรงขอบสะพานจริง ที่สำคัญคือพลเมืองดีอายุเกือบ 60 ปี จะสามารถเข้าจับกุมผู้ต้องหาวัยรุ่น 2 คน โยนลงมาจากสะพานได้อย่างไร หลังจากนี้พนักงานสอบสวน สน.บางขุนเทียน ก็จะประสานมายัง สน.บางมด เพื่อดำเนินการแจ้งข้อหากับ นายวีรพงษ์ ผู้ต้องหาที่ยังรักษาตัวที่ ร.พ.บางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล ต่อไป

ต่อมาที่ สน.บางมด พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชัยพร พานิชอัตรา รอง ผบช.น. และ พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ ตงเต๊า ผบก.น.8 เดินทางมาพบ นายสุริยา สุขเพีย อายุ 45 ปี พ่อของ นายบริสุทธิ์ ผู้ต้องหาซึ่งเสียชีวิต โดย พล.ต.ท.ศานิตย์ ได้ให้ นายสุริยา พ่อของผู้ตายรับเอาโทรศัพท์มือถือและสร้อยคอทองคำกับพระเลี่ยมทอง จำนวน 3 องค์ของลูกชายที่พนักงานสอบสวน สน.บางมด เก็บรักษาไว้ให้ ขณะนำร่างส่งรักษาอาการที่ รพ.บางมด คืนกลับไป

จากการสอบถาม นายสุริยา กล่าวว่า ตนยังสงสัยในมูลเหตุการตายของลูกชายอยู่หลายประการ เช่นเมื่อ นายอภิชาติ พลเมืองดีให้ข่าวว่า ระหว่างไล่ติดตามลูกชายนั้นมีตำรวจนอกเครื่องแบบนายหนึ่งขี่ รถ จยย.ไล่ตามมาด้วย แล้วขณะนี้ตำรวจท่านดังกล่าวหายไปไหน นอกจากนั้นอาจเป็นไปได้หรือไม่ที่ นายบริสุทธิ์ กับ นายวีรพงษ์ จะถูกควบคุมตัวและจับโยนลงมาจากสะพาน อีกทั้งอยากสอบถามว่าเหตุใด นายอภิชาติ ที่บอกว่าตัวเองเป็นพลเมืองดีจึงต้องขี่ รถ จยย.ไล่ติดตามล่าลูกชายแบบกระชั้นชิดขนาดนั้น ทั้งที่สามารถจดจำรูปพรรณกับทะเบียน รถ จยย.ไปแจ้งเหตุกับตำรวจได้ โดยถ้าหากเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุจริงตนสงสัยว่าลูกชายคงเสียหลักเพราะความตกใจที่ นายอภิชาติ กับตำรวจนอกเครื่องแบบนายนั้นขี่ รถ จยย.ไล่บี้ติดตาม

จากนั้น พล.ต.ท.ศานิตย์ จึงได้เชิญทุกฝ่ายทั้งผู้เสียหาย พลเมืองดี และพ่อผู้ตาย ขึ้นไปที่ห้องประชุมชั้น 3 ของ สน.บางมด เพื่อรับชมภาพจากกล้องวงจรปิดที่ฝ่ายสืบสวน สน.บางมด และ สน.ตลาดพลู ช่วยกันนำมาเป็นหลักฐานประกอบสำนวนคดี โดยเห็นได้ชัดเจนว่า หลังก่อเหตุ นายอภิชาติ พลเมืองได้ขี่รถ จยย.ติดตามรถผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย มาตั้งแต่ต้น แต่ติดตามแบบค่อนข้างห่างเพราะเกรงว่าตัวเองจะถูกทำร้ายเช่นเดียวกัน กระทั่งระหว่างทางไปพบกับ ด.ต.เอกปพน ภากรเพิ่มทวี ผบ.หมู่ จร.สน.บางมด ซึ่งแต่งกายนอกเครื่องแบบขี่รถ จยย.ของทางราชการ ออกมาธุระพอดี เมื่อ นายอภิชาติ แจ้งกับ ด.ต.เอกปพน ว่ากำลังติดตามผู้ต้องหาคดีพยายามวิ่งราวทรัพย์ ทั้งคู่จึงช่วยกันขับรถติดตามผู้ต้องหา มาจนถึงกล้องตัวสุดท้ายที่สามารถหาได้บริเวณหน้าโรงแรมมดอินน์ ถนนพระราม 2 ขาออกซึ่งอยู่ห่างจากจุดกลับรถที่เกิดเหตุประมาณ 300 เมตร

ขณะที่ ด.ต.เอกปพน ได้ให้การกับผู้บังคับบัญชาว่า วันที่เกิดเหตุขี่รถ จยย.ออกจากบ้านไปซื้อดอกไม้ไหว้พระที่ตลาดจอมทอง พบ นายอภิชาติ แจ้งให้ช่วยติดตามคนร้ายบริเวณแยกดาวคะนองตัดถนนจอมทอง จึงขี่รถติดตามไปด้วยกันแต่ก็เร่งเครื่องไม่ทันรถของผู้ต้องหา กระทั่งถึงช่วงขึ้นสะพานกลับรถ รถของผู้ต้องหาก็เสียหลักกระแทกกับขอบปูนกั้นทางตกลงไปเอง ตอนนั้นจึงหยุดรถและบอกให้ นายอภิชาติ ช่วยรักษาสภาพที่เกิดเหตุเอาไว้ เพราะตัวเองไม่ได้เข้าเวร ไม่มีทั้งวิทยุสื่อสารและโทรศัพท์มือถือติดตัวออกมาจากที่พัก จากนั้นจึงขี่รถลงจากสะพาน แล้วมุ่งหน้าไปแจ้งเหตุที่ศูนย์วิทยุสุขสวัสดิ์ ซึ่งอยู่ห่างจุดเกิดเหตุไปประมาณ 1 กิโลเมตร

ด้าน พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวว่า ขณะนี้จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายเบื้องต้นทราบแล้วว่าจุดเกิดเหตุที่ดึงสร้อยกันอยู่ในพื้นที่ สน.บางขุนเทียน จึงสั่งการให้พนักงานสอบสวนพิสูจน์ให้ชัดเจนเพื่อให้ญาติๆ ของฝ่ายผู้ต้องหารวมถึงทุกภาคส่วนคลายข้อสงสัย โดยตนขอยืนยันหากมีการทำร้ายกันก่อนที่ผู้ต้องหาจะตกลงจากสะพานกลับรถ จะต้องมีการดำเนินการกับผู้กระทำความผิดอย่างแน่นอน สำหรับสะพานกลับรถดังกล่าวตรวจสอบแล้วตั้งแต่ปี 2539 เคยมีผู้ขับขี่ รถ จยย.ขับรถเฉี่ยวชนขอบทางกั้นจนร่างตกลงมาบนพื้นถนน จำนวน 3 คดี มีผู้เสียชีวิต 2 คดี และมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก 1 คดี โดยหลังจากนี้ตนจะสั่งการให้พนักงานสอบสวนนำทองรูปพรรณของผู้เสียหายไปตรวจดีเอ็นเอ รวมถึงนำรถ จยย.ของผู้ต้องหาที่มีรอยบิดเบี้ยวบริเวณพักเท้าข้างซ้าย กับรอยครูดถลอกบริเวณแฮนด์ด้านซ้ายไปวัดกับขอบปูนบนสะพานกลับรถตรงจุดเกิดเหตุด้วย ว่าตรงกันหรือไม่เพื่อนำมาประกอบสำนวนคดีก่อนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน