จากกรณีโลกออนไลน์มาจากแชร์เรื่องราวจากสมาชิกเฟซบุ๊กรายหนึ่ง ซึ่งอ้างว่า ถูกเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบจับกุม ล็อกใส่กุญแจมือ ถูกปืนจ่อ และยังจะยัดยาเสพติดให้นั้น ซึ่งต่อมาทราบว่า คือ นายนรพันธ์ ศรีวิเชียร
ความคืบหน้าเรื่องดังกล่าว พ.ต.อ.สิงห์ สิงห์เดช ผกก.สน.คันนายาว เปิดเผยว่า เหตุดังกล่าวเกิดเมื่อวันที่ 18 ส.ค.2560 เวลาประมาณ 02.00 น. ที่คอนโดถนอมมิตรปาร์ค ซอยวัชรพล นั้น ในวันและเวลาที่เกิดเหตุ ร.ต.อ.ชนินทร์ ม้าแก้ว รองสวป.สน.คันนายาว หัวหน้าชุดจู่โจมพร้อมกำลังได้รับแจ้งจากสายลับมีการลักลอบจำหน่ายยาเสพติด บริเวณคอนโดถนอมมิตรปาร์ค จำนวน 2 จุด ตามคำสั่งระดมจับกุมยาเสพติด
โดยหลังได้รับแจ้ง ว่าจะมีการจำหน่ายยา 2 จุด คือ บริเวณหมู่บ้านปริญ ตรวจพบผู้ต้องหาไม่ขอเอ่ยนาม มีหมายจับศาลอาญาที่ 555/2560 ลงวันที่ 26 ก.ค.60 ข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ส่วนอีกหนึ่งจุดห่างกันประมาณ 200 เมตร เวลาใกล้เคียงกัน ได้มีนายนรพันธ์ ผู้ร้องเรียน ได้ขี่รถจักรยานยนต์ มาตรงบริเวณตึก 8 โดยสวมหมวกกันน๊อคเต็มใบมาตรงจุดเกิดเหตุ และมาเจอผู้หญิงซึ่งลงมาจากคอนโดถนอมมิตร ซึ่งมีท่าทางพิรุธน่าสงสัยประกอบกับมีตำหนิ รูปพรรณตรงตามที่สายลับแจ้งมา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแสดงตัวเข้าตรวจค้น
แต่นายนรพันธ์ มีท่าทีขัดขืน และจะหลบหนีพร้อมกับล้วงในกระเป๋ากางเกงข้างขวาเจ้าหน้าที่เกรงว่าข้างในจะมีอาวุธ จึงเข้าชาร์ตและใส่กุญแจมือพร้อมกับผู้หญิงดังกล่าว แต่นายนรพันธ์ ก็มียังมีท่าทีขัดขืน ร้องเอะอะโวยวาย ทำให้นายนรพันธ์ ได้รับบาดเจ็บบริเวณข้อมือ จนมีผู้คนแถวนั้นมาดู ต่อมามีผู้ชายซึ่งแจ้งว่าเป็นสามีของหญิงดังกล่าวได้ลงมาที่เกิดเหตุ และได้ตรวจค้นในกระเป๋ากางเกงปรากฏว่าพบถุงยางอนามัย ไม่พบยาเสพติด
หลังจากนั้นได้เชิญทุกฝ่ายมา ที่ สน. และได้ให้สามีของผู้หญิงดังกล่าวติดตามมาด้วย และเมื่อมาถึง สน. ได้ทำการตรวจปัสสาวะ นายนรพันธ์ เพื่อหาสารเสพติดแต่ไม่พบ และได้ทำการซักถามไม่พบว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติด จึงได้ชี้แจงให้นายนรพันธ์ เข้าใจการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ และยินดีที่จะช่วยเหลือค่าทำแผลและเสื้อที่ขาด เพื่อมนุษยธรรมเป็นเงินจำนวน 5,000 บาท แต่นายนรพันธ์ ไม่ได้รับไว้ และทราบภายหลังว่าไปลงข่าวในเฟซบุ๊กดังกล่าว
ทั้งนี้ สน.คันนายาว ได้มีคำสั่งที่ 162/2560 ลง 18 ส.ค.60 แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง เรื่องดังกล่าวแล้ว และ ได้มีคำสั่งที่ 163/2560 ลง 18 ส.ค.60 ให้ ร.ต.อ.ชนินทร์ ในฐานะหัวหน้าชุดปฏิบัติการไปปฏิบัติหน้าที่ งานธุรการป้องกันปราบปราม เพื่อทบทวนการปฏิบัติงาน จนกว่าการสืบสวนข้อเท็จจริงจะเสร็จสิ้นแล้ว ในแนวทางการสืบสวนข้อเท็จจริง ได้สอบสวน ร.ต.อ.ชนินทร์ฯ และ จนท.ชุดจู่โจม และสอบสวนผู้ต้องหาที่ถูกจับตามหมายจับซึ่งนั่งในรถมาด้วยและ รปภ.ของอาคารดังกล่าว และหาภาพวงจรปิดที่เกี่ยวข้อง ซึ่งพนักงานสืบสวนข้อเท็จจริงจะได้ติดตามสามีภรรยาและนายนรพันธ์ มาสอบสวนต่อไป เพื่อให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย
อย่างไรก็ตาม จากการสืบสวนเบื้องต้นไม่ได้มีการยัดยาเสพติดและทำร้ายร่างกาย ซึ่งบาดแผลที่ปรากฏที่ข้อมือและบริเวณคอ เกิดจากการที่นายนรพันธ์ ขัดขืนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนกรณีที่นายนรพันธ์ ไปโพสต์เฟซบุ๊ก หากคิดว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทำไม่ถูกต้อง สามารถไปร้องทุกข์ได้ที่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือยื่นฟ้องต่อศาลเองได้ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจู่โจมพร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบตามกฏหมาย
“อยากจะฝากพี่น้องประชาชนที่ไปโพสต์แชร์ แสดงความคิดเห็นโดยขาดข้อมูลรอบด้าน นอกจากจะทำให้เกิดความเสียหายกับผู้ที่เกี่ยวข้องแล้ว ท่านจะต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ท่านกระทำลงไป ผมเห็นด้วยกับการแสดงความคิดเห็นในเชิงสร้างสรร ติชม ในการทำงานของตำรวจ และน้อมรับคำวิพากษ์วิจารณ์ ส่วนการแสดงความคิดเห็นด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย คุณจะต้องรับผิดชอบในการกระทำ หากท่านสงสัยในการทำงานของตำรวจคันนายาว ผมในฐานะหัวหน้าสถานีพร้อมให้เข้าพบได้ตลอดเวลา หลังเกิดเหตุและทราบจากทางสายลับว่ามีการจับผิดตัว ซึ่งผู้จับกุมก่อรู้สึกผิด แต่ทั้งนี้ต้องขอความเป็นธรรมกับทางเจ้าหน้าที่ด้วย” พ.ต.อ.สิงห์ กล่าว
เมื่ิอเวลา11.00น วันที่ 21 ส.ค. นายนรพันธ์ ศรีวิเชียร อายุ 33 ปี อาชีพบริษัททัวร์แห่งหนึ่ง ผู้ร้องเรียนจากเรื่องดังกล่าว ได้เข้าพบ พ.ต.อ.สิงห์ สิงห์เดช ผกก.สน.คันนายาว
โดย นาย นรพันธ์ ได้เปิดเผยว่า วันนี้นำผลตรวจร่างกายจาก รพ.สายไหม มาให้ทางเจ้าหน้าที่ โดยผลแพทย์ ระบุว่า ที่ข้อมือขวา เป็นแผลถลอก และที่มาวันนี้มาให้ข้อเท็จจริงกับทางเจ้าหน้าที่ตัังคณะกรรมการขึ้นมา และตนเองก็ไม่ได้ติดยาตามที่เป็นข่าวทางโซเซียล และยังไม่มีการแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ที่กระทำตนเอง ตอนนี้รอผลสรุปจากทางเจ้าหน้าที่ที่ตั้งคณะกรรมการก่อนว่าได้รับความเป็นธรรมหรือไม่ เท่าที่พบกับทาง พตอ สิงห์ แล้วรู้สึกพอใจและได้รับความเป็นธรรม จึงยังไม่ประสงค์จะแจ้งความ
