ตำรวจ จ่องัดกฎหมาย “หมิ่นสถาบัน” ดำเนินคดีม็อบ ’19 กันยา ทวงอำนาจคืนราษฎร’ พร้อมอีกหลายข้อหา กว่า 10 ราย ทุกกรณีไม่มีการยกเว้น

วันที่ 21 ก.ย ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วยผบ.ตร. พร้อมด้วย พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. แถลงภาพรวมแนวทางการดำเนินคดีกับแกนนำกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ซึ่งจัดกิจกรรมเมื่อวันที่ 19-20 กันยายนที่ผ่านมา

พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า กรณี พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) รับหนังสือจากแกนนำผู้ชมนุม ได้เสนอมายัง ตร.แล้ว ซึ่งฝ่ายกฎหมาย ตร.อยู่ระหว่างตรวจสอบเนื้อหา เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป และมีประเด็นที่อยากชี้แจงเพิ่มเติมในบทบาทของผู้รักษากฎหมาย การชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ตำรวจมีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้

แต่มีบางส่วนที่ละเมิดกฎหมาย เช่น แกนนำทำผิดกฎหมายการชุมนุมสาธารณะหลายๆ ด้าน รวมทั้งทำผิดตามกฎหมายอาญามาตราต่างๆ จากถ้อยคำการปราศรัยของแกนนำบางคนที่หมิ่นเหม่ต่อการกระทำผิดกฎหมายอาญา มีการใช้ถ้อยคำที่ไม่สมควรต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

ในฐานะผู้รักษากฎหมายเราต้องดำเนินการอย่างเต็มที่กับผู้ที่ละเมิด ทราบว่าวันนี้มีประชาชนบางท่านที่ไปแจ้งความดำเนินคดีไว้ที่ สน.ชนะสงคราม แล้ว ซึ่งคนไทยทุกคนเรามีความจงรักภักดีต่อสถาบันที่สำคัญต่อประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ที่มีคุณูปการต่อการเจริญเติบโตของประเทศมาโดยตลอด

กรณีแกนนำบางคนอาศัยโอกาสทำเรื่องไม่เหมาะสม ละเมิดต่อสถาบันอันเป็นที่รักและเคารพยิ่งของคนไทยทุกคน เป็นหน้าที่ตำรวจทุกนายต้องปกปักพิทักษ์รักษา ตำรวจจะรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ดำเนินคดีอย่างถึงที่สุดกับผู้ที่แสดงออกและผู้สนับสนุนทุกกรณี ไม่มีข้อยกเว้น เบื้องต้นพบว่าผู้ที่ปราศรัยในลักษณะไม่เหมาะสมประมาณ 3-4 คน

พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวต่อว่า การดำเนินคดีกับแกนนำแยกเป็นต่างกรรมต่างวาระ ทั้งการเคลื่อนย้ายมวลชน ทำลายสิ่งกีดขวาง การรุกเข้าไปในสนามหลวง และการปราศรัย ส่วนการกระทำผิดที่ชัดเจนคือการไม่แจ้งการชุมนุมตามพ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 และความผิดตามที่กรุงเทพมหานครและกรมศิลปากร แจ้งความร้องทุกข์ไว้

รวมทั้งกฎหมายอาญาอื่นๆ ที่ปรากฏชัดเจนตามเอกสารและถ้อยคำต่างๆ ในฐานะของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อมีผู้ร้องทุกข์ก็ต้องสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน การจะผิดกฎหมายมาตราใด เป็นไปตามฐานความผิดที่เกิดขึ้น

ทั้งนี้ การดำเนินการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน มีรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ฝ่ายกฎหมาย เป็นผู้ควบคุมดูแล อย่างไรก็ตามการชุมนุมที่จะเกิดขึ้นไม่ว่าเมื่อไหร่ ขอให้ปฏิบัติตามกรอบกฎหมาย ปราศจากอาวุธ สำหรับการไปรัฐสภา หากผู้ชุมนุมมีจำนวนที่เหมาะสมตำรวจจะจัดสถานที่ให้ เราต้องคำนึงถึงผู้ใช้รถใช้ถนนด้วย

ทางด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า ได้รับรายงานจาก สน.ชนะสงคราม ว่ามีการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเอาผิดกับแกนนำประมาณ 10 ราย หลักๆ เป็นข้อหาตามพ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ การชุมนุมโดยไม่ได้รับอนุญาต

ส่วนการบุกรุกไปในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ และสนามหลวง ทราบว่ามีกรุงเทพมหานครกับกรมศิลปากรเข้าแจ้งความร้องทุกข์แล้ว กรณีแกนนำบางคนที่ทำผิดเงื่อนไขการประกันตัว พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการพิจารณาถอนประกัน

พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวต่ออีกว่า กรณีการถอนหมุดจากสนามหลวง ไม่ทราบว่าใครเป็นคนถอน แต่ตามหลักแล้วหมุดเป็นพยานหลักฐานที่พนักงานสอบสวนต้องริบเอาไว้ ถือว่าเป็นของกลางในคดีอาญา ต้องอยู่ในการดูแลรักษาของพนักงานสอบสวน


 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน