วันที่ 19 ก.ย. ที่ศาลจังหวัดขอนแก่น นายบุญยง แก้วฝ่ายนอก ทนายความของ น.ส.อภิวันทน์ สัตยบัณฑิต หรือแจ้ หนึ่งในผู้ต้องหาคดีฆ่าหั่นศพ น.ส.วริศรา กลิ่นจุ้ย หรือ น้องแอ๋ม ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า จากการเบิกตัวผู้ต้องหาในคดีดังกล่าว ซึ่งประกอบด้วย น.ส.ปรียานุช โนนวังชัย หรือเปรี้ยว น.ส.กวิตา ราชดา หรือเอิน น.ส.อภิวันทน์ สัตยบัณฑิต หรือแจ้ นายวศิน นามพรม และ น.ส.จิดารัตน์ พรหมคุณ หรือเบนท์ เพื่อนัดสอบพยานและตรวจเอกสารหลักฐานในคดีความดังกล่าว ตามการนัดพร้อมครั้งแรก โดยมีทนายความของฝ่ายจำเลย เดินทางมากันครบทุกคน นอกจากนี้ยังมี พ่อเลี้ยง มารดา และยายของ “น้องแอ๋ม” ผู้ตาย รวมไปถึง ญาติพี่น้องฝ่ายจำเลยทั้งหมด เดินทางเข้ามาในห้องพิจารณาคดีเพื่อร่วมรับฟังด้วย ซึ่งศาลได้ให้นั่งแยกอยู่คนละฝั่ง

ศาล ได้ทำการตรวจพยาน หลักฐานทั้งจากฝ่ายจำเลยและฝ่ายโจทย์ ตั้งแต่เวลา 09.00 น. ถึงช่วงบ่าย จึงเสร็จสิ้น ทนายความทั้งสองฝ่ายได้ยื่นพยาน หลักฐานต่อศาล ซึ่งฝ่ายโจทก์ยื่นบัญชีพยานบุคคลจำนวน 27 ปาก ส่วนทนายฝ่ายจำเลย ยื่นบัญชีพยานบุคคล 8 ปาก ซึ่งในจำนวนพยาน 8 ปากนี้ จำเลยทั้ง 5 คน ต่างเป็นพยานให้กันและกัน โดยมีพยานบุคคลอื่นอีก 3 ปาก ถือว่ายื่นครบสมบูรณ์ทั้งสองฝ่าย แต่หากฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่งคิดว่ายังไม่สมบูรณ์ และอยากยื่นพยานเพิ่มก็ยื่นคำร้องต่อศาลได้

เมื่อขั้นตอนการยื่นบัญชีพยานเรียบร้อยแล้ว ในขั้นตอนต่อไป ศาลได้นัดสอบพยานฝ่ายโจทก์รวม 6 นัด สอบพยานฝ่ายจำเลย 2 นัด ซึ่งจะเสร็จสิ้นการสอบพยานทั้งสองฝ่ายภายในเดือนมีนาคม 2561จากนั้นก็จะเข้าสู่บวนการที่ศาลจะนัดฟังคำพิพากษา อย่างไรก็ตามทั้งหมดให้การรับสารภาพต่อศาลว่า ทีแรกจะเอาศพไปทิ้งน้ำ แต่ตอนนั้นเป็นช่วงเช้า ฟ้าสว่าง จะไปทิ้งที่ไหนก็กลัวคนเห็น จึงนำศพไปหั่นที่รีสอร์ตที่เกิดเหตุ ทุกคนก็ยอมรับว่าได้ร่วมกันหั่นศพ

นายบุญยงค์ กล่าวต่ออีกว่า ภายในห้องพิจารณา จำเลยทั้ง 5 คน ได้เข้ากราบขอขมา พ่อ แม่ และยาย ของน้องแอ๋มด้วย โดย น.ส.เปรี้ยวได้คุกเข่าคลานเข้าไปกอดมารดาของน้องแอ๋ม และจำเลยทั้งหมดได้กราบขอขมาพร้อมกับกล่าวขอโทษ ซึ่งฝ่ายมารดาของน้องแอ๋มรวมทั้งจำเลยทั้ง 5 คน ต่างก็ร้องไห้ น้ำตาไหลอาบแก้ม ศาลบอกว่า การขอขมานั้นทำได้ ส่วนโทษในความผิดที่ก่อขึ้นก็ต้องว่ากันตามกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเสร็จสิ้นขั้นตอนการตรวจพยาน และเอกสารต่างๆแล้ว จำเลยทั้งหมดได้ถูกส่งตัวกลับไปยังห้องคุมขังผู้ต้องหา บริเวณอาคารใต้ถุนศาล เพื่อรอส่งตัวกลับไปคุมขังที่เรือนจำกลางขอนแก่น และที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษขอนแก่น มีเพียง น.ส.เบนท์ เท่านั้นที่เดินทางกลับบ้านตามการอนุญาตให้ประกันตัวในช่วงระหว่างของการพิจารณาคดี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน