วันที่ 23 ก.ย. นายชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้ พร้อมด้วยนายอรรถพล เจริญชันษา รองอธิบดีกรมป่าไม้ ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า และนายชีวะภาพ ชีวะธรรม หัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจปราบปรามพิเศษ (พยัคฆ์ไพร) กรมป่าไม้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร ฝ่ายปกครอง และผู้นำท้องถิ่น ลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เพื่อติดตามการปฏิบัติงานเชิงรุกในการบังคับใช้กฎหมายกับสถานที่พักตากอากาศ รีสอร์ต

และสิ่งปลูกสร้างที่บุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ท่าช้างและป่าแม่ขนิน ตำบลน้ำแพร่ อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ และเข้าดำเนินคดีกับผู้ประกอบการธุรกิจซิปไลน์ที่บุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ออน บ้านแม่กำปอง ตำบลห้วยแก้ว อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมกับตรวจสอบความแม่นยำถูกต้องของ App “พิทักษ์ไพร” ในการลงพิกัดผืนป่าที่ถูกบุกรุก

นายชลธิศ เปิดเผยว่า กรณีการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ท่าช้างและป่าแม่ขนิน ตำบลน้ำแพร่ อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อปลูกสร้างสถานที่พักตากอากาศ รีสอร์ต และสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ ว่า จากการตรวจสอบพบรีสอร์ตที่บุกรุกพื้นที่ป่า จำนวน 18 ราย เนื้อที่รวมประมาณ 144 ไร่ 2 งาน 60 ตรว. ซึ่งมีรีสอร์ตที่มีหลักฐานเป็นโฉนดที่ดิน จำนวน 11 แปลง เนื้อที่ 47 ไร่ 3 งาน 5 ตรว. เป็น นส.3 จำนวน 1 แปลง 2 ไร่ 1 งาน 19 ตรว. และเป็นพื้นที่ที่เคยสำรวจการถือครองตามมติ ครม. วันที่ 30 มิ.ย. 2541 จำนวน 8 แปลง เนื้อที่ 41 ไร่ 2 งาน 47 ตรว.

นอกจากนี้ยังพบว่าเป็นพื้นที่ประเภทอื่นๆ อีก 8 แปลง ดังนั้นสำหรับรายใดที่มีโฉนดหรือ นส.3 กรมป่าไม้จะส่งเรื่องให้กรมที่ดินตรวจสอบว่าการออกเอกสารสิทธิ์ดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ หากพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงจะถือว่าผิดเงื่อนไขจากการสำรวจในคราวแรก แต่ถ้ามีชื่อตรงตามที่แจ้งในครั้งแรกก็ต้องตรวจสอบว่ามีการใช้ประโยชน์ตรงตามวัตถุประสงค์หรือไม่

นายอรรถพล กล่าวถึงความคืบหน้าในการบังคับใช้กฎหมายต่อกลุ่มเครื่องเล่นซิปไลน์ในท้องที่จังหวัดเชียงใหม่ว่า จากการตรวจสอบปรากฎว่ามี 12 แห่ง ที่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ได้มีการดำเนินคดีไปแล้วทั้งสิ้น 6 แห่ง โดย 2 ใน 6 แห่ง ได้ดำเนินการรื้อถอนแล้ว อีก 5 แห่ง อยู่ในระหว่างกระบวนการตรวจสอบเนื่องจากผู้ประกอบการได้นำเอกสารสิทธิ์ที่ดินประเภท สค.1 มาแสดง

ส่วนอีก 1 แห่ง ตั้งอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ออน บ้านแม่กำปอง หมู่3 ตำบลห้วยแก้ว อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ เนื้อที่รวม 29 ไร่ 3 งาน 78 ตรว. นั้น ได้มีมติที่ประชุมของ คณะกรรมการเพื่อติดตาม กำกับ และตรวจสอบพื้นที่ที่มีความเสี่ยงภัยต่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ครั้งที่ 1/2560 เมื่อวันที่ 7 ก.ย.60 ที่มี นายประจวบ กันธิยะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ทำหน้าที่เป็นประธานแทนผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ให้หน่วยงานดำเนินคดีในส่วนพื้นที่ที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ที่ดิน จำนวน 3 งาน 78 ตรว. สำหรับพื้นที่อีก 29 ไร่ ที่ผู้ประกอบการอ้างว่ามี สค.1 จำนวน 3 ฉบับ ทางเจ้าหน้าที่จะดำเนินการตรวจสอบว่ามี สค.1 ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

ด้านนายชีวะภาพ ชีวะธรรม หัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจปราบปรามพิเศษ (พยัคฆ์ไพร) เปิดเผยถึงการปฎิบัติการเข้าตรวจสอบพื้นที่ป่าด้วยระบบปฏิบัติการค้นหาพื้นที่บุกรุก ด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์และดาวเทียมหรือที่เรียกว่า “ระบบพิทักษ์ไพร” ว่า ขณะนี้ในท้องที่จังหวัดเชียงใหม่ได้รับแจ้งเตือนจากระบบตรวจสอบพบว่า มีพื้นที่เปลี่ยนแปลงจากสภาพป่าเป็นไม่มีสภาพป่า จำนวน 8 จุด ได้แก่ ป่าเชียงดาว จำนวน 4 จุด ป่าลุ่มน้ำแม่ฝาง จำนวน 2 จุด ป่าแม่ขานและป่าแม่วาง 2 จุด

ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เตรียมลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบ ว่ามีผืนป่าถูกบุกรุกหรือไม่อย่างไร โดยในวันนี้ทางเจ้าหน้าที่จะเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ในเขตป่าเชียงดาว อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ เป็นลำดับแรก แต่เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเส้นทางทุรกันดาร และเขตภูเขาสูงชัน ทางเจ้าหน้าที่จะปฎิบัติการทั้ง ทางรถยนต์ตรวจการขับเคลื่อน 4 ล้อ และทางอากาศสนับสนุนกัน ทั้งนี้เพื่อเร่งป้องปรามหากมีการบุกรุกทำลายป่าจริงได้อย่างรวดเร็วทันต่อเหตุการณ์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน