วิษณุ ชี้แจง อัญเชิญพระรัชทายาทเป็นพระมหากษัตริย์ ไม่มีกำหนดเวลา เผย “พระบรมฯ” รับสั่ง รบ.รอสักระยะขึ้นอยู่บรรยากาศบ้านเมือง-ความรู้สึกปชช. พร้อมมีพระบัณฑูร จะประดิษฐานพระบรมศพนานประมาณ 1 ปี ก่อนถึงเวลาพิธีพระบรมราชาภิเษก แจงประธานองคมนตรีต้องทำหน้าที่เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เป็นการชั่วคราว โดยตำแหน่งโดยรัฐธรรมนูญ พร้อมต้องลาออกจากตำแหน่งเดิม

เมื่อเวลา 22.20 น. วันที่ 14 ต.ค. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สดผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ว่า การจะประทานอัญเชิญให้สมเด็จพระรัชทายาทขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ ทั้งหมดไม่มีเงื่อนเวลาว่าจะต้องทำเร็วหรือช้า แต่ถ้าทำเร็วได้ก็เป็นการดี ทั้งนี้จึงไม่มีอะไรที่อึมครึม ลังเลหรือต้องสงสัยอะไร เพราะนายกรัฐมนตรีได้มีโอกาสเข้าเฝ้าพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อคืนวันที่ 13 ต.ค. ที่ผ่านมาทรงมีพระราชปรารภว่า ประชาชนชาวไทยกำลังอยู่ในความวิปโยคทุกข์โศก พระองค์ท่านทรงสลดพระราชหฤทัยเช่นกัน ทรงมีความรู้สึก ความผูกพันร่วมกับประชาชน และเป็นเวลาที่คนไทยทั้งชาติร่วมกันทำใจ พระองค์ท่านก็ทรงทำพระทัยร่วมกับประชาชน ดังนั้นเหตุบ้านการเมืองอย่างอื่นหากยังไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน รอได้ก็ขอให้รอ วันนี้ทำเรื่องพระบรมศพให้ลุล่วงไปก่อน ดังนั้นหากรัฐบาลรอได้สักระยะหนึ่งก็จะเป็นการเหมาะสมกับบรรยากาศและสภาพของบ้านเมืองและความรู้สึกของประชาชน ซึ่งรัฐบาลได้น้อมใส่เกล้าใส่กระหม่อม จึงเป็นเหตุหนึ่งที่รัฐบาลยังไม่เสนอเรื่องไปยังประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)

นายวิษณุ กล่าวต่อถึงขั้นตอนระหว่างนี้ต้องมีผู้สำเร็จราชการแทนหรือไม่นั้น ว่า เป็นธรรมดาของนานาประเทศที่เป็นราชอาณาจักร มีสมเด็จพระราชาธิบดีหรือพระมหากษัตริย์ว่า ราชบัลลังก์จะว่างลงมิได้แม้แต่วันเดียว เพราะฉะนั้นในต่างประเทศ เช่นประเทศอังกฤษมีธรรมเนียมว่า ทันทีที่พระมหากษัตริย์พระองค์ก่อนเสด็จสวรรคต ประชาชนและรัฐบาลจะต้องออกมาพูดประโยคเดียวกันก่อนเสมอว่า พระราชาธิบดีพระองค์ก่อนเสด็จสวรรคตแล้ว ขอพระราชาธิบดีพระองค์ใหม่ทรงพระเจริญ โดยคำพูดนี้ต้องพูดอย่างต่อเนื่องโดยไม่เว้นวรรค เพื่อให้เห็นว่ามีความต่อเนื่อง เชื่อมโยง ไม่ขาดสาย ซึ่งธรรมเนียมไทยก็ดำเนินการอย่างเดียวกัน ฉะนั้นจึงจำเป็นที่ต้องมี แต่เมื่อยังไม่มี ซึ่งเกิดได้ในบางคราวที่อาจต้องรอ และเวลานี้ที่จริงก็ไม่มีเหตุจำเป็นใดๆ ที่ต้องตั้งผู้สำเร็จราชแทนพระองค์ แต่เนื่องจากว่าเมื่อสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช มีพระมหากรุณาทรงปรารภมาอย่างนั้น รัฐบาลจึงต้องรับใส่เกล้าใส่กระหม่อม อันนี้จึงเป็นเหตุหนึ่งที่ต้องเกิดผู้สำเร็จราชแทนพระองค์แทรกเข้ามา เพื่อไม่ให้ทุกอย่างว่างเว้นลง เพราะอาจมีกิจบ้านการเมืองที่ต้องปฏิบัติในช่วงเวลานั้น รัฐธรรมนูญก็ได้เขียนหลักเกณฑ์นี้ไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2534 และใช้มาจนบัดนี้ และจะใช้ต่อไปในรัฐธรรมนูญฉบับหน้า ซึ่งเขียนไว้ว่า เมื่อยังไม่มีการสถาปนาหรือตั้งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวหรือพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ ให้ประธานองคมนตรีเป็นผู้สำเร็จราชแทนพระองค์ชั่วคราวไปพลางก่อน แต่ยังมีผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์อีกอย่างหนึ่งที่พระมหากษัตริย์ได้ทรงแต่งตั้ง ที่จะต้องไปปฏิญาณตนในที่ประชุมรัฐสภา แต่เมื่อกรณีที่มีผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เป็นการชั่วคราวไปพลางก่อน เป็นความตั้งใจของรัฐธรรมนูญเพื่อไม่ให้เกิดการว่างเว้นและบางทีอาจเกิดเหตุที่ยังไม่สามารถตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์คนใหม่ หรือยังไม่อาจมีกรณีที่จะมีการประกาศพระนามของพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ได้

นายวิษณุ กล่าวอีกว่า ฉะนั้นในช่วงเวลานี้ เป็นช่วงเวลาที่ยังไม่ประกาศว่า พระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่เป็นใครอย่างไร ซึ่งที่จริงปัญหาและคำตอบมีชัดอยู่แล้ว ประธานองคมนตรีก็ต้องปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เป็นการชั่วคราวไปพลางก่อน ซึ่งรัฐธรรมนูญก็ยังระบุอีกว่า ในระหว่างที่ประธานองคมนตรีมาปฏิบัติหน้าที่นี้ จะไปปฏิบัติหน้าที่องคมนตรีพร้อมกันด้วยไม่ได้ และคณะองคมนตรีก็ต้องมีการเลือกประธานใหม่ เพื่อให้งานแยกจากกัน ซึ่งสถานการณ์อย่างนี้จะไม่ใช้ระยะเวลายาวนาน และเมื่อไปถึงจังหวะหนึ่งก็จะกลับมาดำเนินการตามรัฐธรรมนูญมาตราที่ 23 และ 24 ต่อไป ส่วนการทำหน้าที่ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ของท่านประธานองคมนตรีต้องมีการประกาศหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า เพราะการเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เป็นการชั่วคราวไปพลางก่อนไม่ได้เป็นการแต่งตั้งหรือสถาปนา ไม่ได้เกิดจากการที่ยอมหรือไม่ยอมเป็น รับหรือไม่รับ แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นโดยรัฐธรรมนูญกำหนดโดยตำแหน่ง ฉะนั้นจึงไม่ต้องมีประกาศสถาปนาหรือแต่งตั้ง ไม่ต้องแม้แต่ไปปฏิญาณตนต่อรัฐสภา แต่สามารถปฏิบัติทันทีเผื่อจำเป็นฉุกเฉินเร่งด่วนที่ต้องมองไปล่วงหน้า 30 60 90 วัน ในระยะอันใกล้นี้ ไม่มีอะไรติดขัด อาจจะมีปัญหาเล็กน้อย แต่ก็แก้ไขได้ ฉะนั้น ตราบใดที่นายกรัฐมนตรี ยังไม่มีประกาศ หรือแจ้งว่ามีเหตุเปลี่ยนแปลงใด ๆ ทุกอย่างก็ยังคงเป็นไปตามโรดแมปทุกประการ

นายวิษณุ กล่าวถึงกระแสในโซเชียลมีเดีย และการเผยแพร่ข้อความทั้งจริง และเท็จว่า ความไม่รู้เป็นบ่อเกิดของปัญหา ความมีเจตนาไม่ดีก็เป็นบ่อเกิดแห่งปัญหา ความสนุกสนานที่ต้องการทำให้คนอื่นรู้ว่าเรารู้ เรื่องที่คนอื่นไม่รู้ แล้วก็เผยแพร่ข่าวที่ไม่เป็นความจริงก็เป็นปัญหา ประเทศชาติบ้านเมืองของเราอยู่ในภาวะวิปโยค ทุกข์โศกอย่างยิ่ง คนทั่วโลกเขาโศกเศร้ากับเราในยามนี้ก็เป็นยามที่จะต้องประคับประคอง ซึ่งเหตุการณ์ที่จะประคับประคอง และถนอมน้ำใจที่ดีที่สุดก็คือการไม่แพร่ข่าว หรือปล่อยข่าวใด ที่ไม่เป็นความจริง แล้วคนที่รับสารนั้นก็ไปแพร่ข่าวต่อโดยที่ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ ทางที่ดีที่สุดกรุณารับฟังข่าวของทางราชการ ซึ่งขั้นตอนต่าง ๆ จะต้องผ่านการตรวจสอบรอบคอบ

นายวิษณุ กล่าวต่อถึงกรณีมีการส่งทางโซเชียลมีเดียว่า ส่วนใหญ่ไม่เป็นความจริง เช่น การโฆษณา หรือการตั้งผู้สำเร็จราชการ ซึ่งได้เรียนมาตลอดว่ามีอยู่โดยที่ไม่ต้องสถาปนา การแพร่ข่าวโดยเจตนาใดก็ตาม ซึ่งสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ได้มีพระบัณฑูรกับนายกรัฐมนตรีว่า การพระบรมศพนั้นก็จะประดิษฐานไปนานประมาณ 1 ปี แล้วต่อจากนั้นจะถึงเวลาพิธีพระบรมราชาภิเษก เอาไว้ค่อยว่ากัน ฉะนั้นไม่มีอะไรในเวลานี้ แม้กระทั้งข่าวที่ทุกคนคิดว่าจริง จนกระทั่งมีการเผยแพร่พระปรมาภิไธยของพระมหากษัตริย์ ว่าอย่างไร มีพระนามว่าอย่างไร ทั้งหมดไม่มีและไม่เป็นความจริงใด ๆ ขณะนี้ยังไม่อยู่ในขั้นตอนที่รัฐบาลแจ้งไปยังรัฐสภา ยังไม่ถึงขั้นตอนที่รัฐสภาจะมีมติรับทราบ และยังไม่ถึงขั้นตอนที่จะมีมติอัญเชิญขึ้นครองราชย์ หรือออกประกาศอะไรทั้งสิ้น ทุกอย่างยังนิ่งอยู่ในขั้นตอนที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ถึงกับทรงพระราชปรารภเองว่า มีพระราชปรารถนาที่จะให้ทุกอย่างในเวลานี้สงบนิ่งอยู่เสมือนหนึ่ง สมเด็จพระบรมชนกนาถ พระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ทรงดำรงพระชนม์ชีพอยู่ทุกประการจนกว่าจะถึงระยะหนึ่งที่เราทั้งหลายทำใจกันได้แล้วว่า ได้เปลี่ยนแผ่นดินแล้ว แล้วค่อยว่ากัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน