เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 19 พ.ย. พ.ต.อ.บุญฤทธิ์ รอดมา รรท.ผบก.น.7 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชุมพล ชาญชนะโยธิน รองผบก.น.7 พ.ต.อ.กุลเชญฐ์ บางพราน ผกก.สส.บก.น.7 พ.ต.อ.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผกก.สน.บางพลัด และ เจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.น.7 ร่วมกันแถลงผลจับกุม 1.นายประวิทย์ หรือ เอ๊ รื่นนุสาร อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาล จ.ตลิ่งชัน ที่จ.460/2560 ลงวันที่ 19 พ.ย.2560 ข้อหาร่วมกันวิ่งราวทรัพย์ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อความสะดวกแก่การกระทำผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม

2.นายนิวัฒน์ หรือ ต๋อง โพธิ์แก้ว อายุ 37 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาล จ.ตลิ่งชัน ที่ จ.461/2560 ลงวันที่ 19 พ.ย.2560 ข้อหาร่วมกันวิ่งราวทรัพย์ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อความสะดวกแก่การกระทำผิด หรือ การพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม พร้อมของกลาง 1.รถจยย. ยามาฮ่า ฟีลาโน่ สีแดง ทะเบียน อพม 55 กทม. 2.ไอโฟน 6 พลัส 3.ไอโฟน สีดำ 4.ซัมซุง เอ 7 โดยสามารถจับกุมได้ที่หน้าอาคารสโมสรนครนนท์ ถ.เลี่ยงเมืองนนทบุรี ซ.11 อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี

พ.ต.อ.บุญฤทธิ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา มีผู้เสียหายคือ นายพีรภาส (สงวนนามสกุล) อายุ 24 ปี ถูกคนร้ายคือนายประวิทย์ เข้ามาตีสนิททำความรู้จักขณะกำลังเที่ยวอยู่สถานบันเทิงย่านรัชดาฯ โดยหลังจากสถานบันเทิงปิด นายประวิทย์ ได้ใช้อุบายชักชวนเหยื่อไปเที่ยวต่อ ก่อนพาขึ้นรถแท็กซี่มาแถว ถ.สิรินธร โดยมี นายนิวัฒน์ ดักรออยู่ ก่อนจะลงมือชิงทรัพย์สินและขี่จยย.หลบหนี โดยหลังเกิดเหตุ นายพีรภาส ได้รับบาดเจ็บสาหัส มีอาการเลือดคั่งในสมอง เนื่องจากถูกคนร้ายต่อยเข้าที่ศีรษะจนล้มลง ศีรษะกระแทกพื้น ขณะนี้ยังพักรักษาตังอยู่ที่ รพ.ศิริราช

จากนั้นฝ่ายสืบสวนได้เฝ้าสังเกตุพฤติกรรมของกลุ่มคนร้าย จนพบว่าทั้งคู่จะอาศัยความเป็นคนหน้าตาดี ออกตระเวนไปตามสถานบันเทิง บาร์เกย์ ย่านถนนรัชดาภิเษก และแยกคอกวัว ก่อนจะเข้าไปเลือกเหยื่อที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไปดูมีทรัพย์สิน และอยู่ในอาการมึนเมา ก่อนเข้าไปตีสนิทชักชวนไปดื่มเหล้าหรือเที่ยวต่อ

รรท.ผบก.น.7 กล่าวต่อว่า จากการสอบสวน ผู้ต้องหาทั้งคู่สารภาพว่า ลงมือก่อเหตุจริง ทำมาแล้ว 7-8 ครั้ง โดยจะล่อลวงจนเหยื่อหลงเชื่อยอมไปด้วย ก็จะพามาที่ย่านถนนสิรินธร เนื่องจากในช่วงกลางคืนจะปลอดผู้คนและมีแสงไฟค่อนข้างน้อย เหมาะกับการลงมือ โดยจะล่อลวงเหยื่อมาที่บริเวณ ถ.สิรินธร เกือบทุกครั้ง เนื่องจากอยู่ใกล้เขต จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นที่พักอาศัยของคนร้าย ส่วนทรัพย์สินที่ได้มา ทั้งสองคนนำไปขาย ก่อนนำเงินไปเที่ยวเตร่และจับจ่ายใช้สอย เนื่องจากทั้งคู่ตกงาน

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบประวัติของคนร้าย พบว่าเคยถูกดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันชิงทรัพย์ในพื้นที่ สน.พหลโยธิน เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ อยู่ระหว่างการประกันตัว และพื้นที่ สน.นพวงศ์ เมือเดือนเมษายน ที่ผ่านมา โดยขณะนี้มีผู้เสียหายแล้ว 4 คนที่แสดงตัวเอาผิด ส่วนที่เหลือฝากประชาสัมพันธ์ให้ผู้เสียหายเข้าชี้ตัวเอาผิดเพิ่ม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน