ผู้ปกครอง รวมตัวบุก กระทรวงศึกษาธิการ ชูป้ายร้อง โรงเรียนเอกชนดัง ย่านอ่อนนุช แจ้งปิดกิจการกะทันหัน นักเรียนกว่า 600 ชีวิตได้รับผลกระทบ ต้องหาที่เรียนใหม่

วันที่ 23 ก.พ.2566 ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มผู้ปกครองที่ได้รับผลกระทบจากการปิดกิจการของโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง ย่านอ่อนนุช กว่า 10 คน ชูข้อความระบุว่า “ผู้บริหารอยู่ไหน สงสารเด็ก มารับผิดชอบต่อการตัดสินใจของพวกคุณด้วย ใจร้าย อย่าทำกับเด็กแบบนี้” “แจ้งปิดร.ร.กะทันหันให้เวลา 14 วัน ไม่ทันเตรียมตัว มีผลกระทบหนักผอ.อยู่ไหน” พร้อมกับยื่นหนังสือร้องเรียนถึงสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) โดยมี นายมณฑล ภาคสุวรรณ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) เป็นผู้รับเรื่อง

ผู้ปกครอง รวมตัวบุก กระทรวงศึกษาธิการ ชูป้ายร้อง โรงเรียนเอกชนดัง ย่านอ่อนนุช แจ้งปิดกิจการกะทันหัน

ผู้ปกครอง รวมตัวบุก กระทรวงศึกษาธิการ ชูป้ายร้อง โรงเรียนเอกชนดัง ย่านอ่อนนุช แจ้งปิดกิจการกะทันหัน

นางศิริพร (ขอสงวนนามสกุล) ผู้ปกครองของนักเรียนชั้น ป.4 และ ป.6 กล่าวว่า ผู้ปกครองได้สรุปผลกระทบที่ได้รับจากการปิดโรงเรียนกะทันหัน จำนวน 8 ข้อ ดังนี้ 1.โรงเรียนแห่งนี้ เปิดสอนระดับเตรียมอนุบาล ถึงประถมศึกษาปีที่ 6 เมื่อวันที่ 16 ก.พ. ทางผู้บริหารโรงเรียนส่งหนังสือถึงผู้ปกครอง แจ้งว่าทางโรงเรียนจะปิดกิจการในปีการศึกษา 2566 ทำให้ผู้ปกครองได้รับผลกระทบอย่างมาก จากการแจ้งปิดกะทันหันในครั้งนี้

2.ผู้บริหารโรงเรียน ไม่มีความรับผิดชอบต่อการกระทำดังกล่าว เพราะเมื่อผู้ปกครองขอเข้าพบผู้บริหารของโรงเรียน เพื่อเจรจาพูดคุยและหารือมาตรการเยียวยาเนื่องจากการปิดกิจการ แต่ผู้บริหารของโรงเรียนบ่ายเบี่ยงไม่ยอมให้ผู้ปกครองเข้าพบ

3.ผู้ปกครองต้องหาโรงเรียนใหม่ให้บุตรหลานไม่ทันเวลา นักเรียนหลายคนยังไม่มีที่เรียน นักเรียนเสียสิทธิในการสมัครเข้าเรียนในโรงเรียนหลายแห่ง เพราะโรงเรียนแจ้งว่าจำนวนนักเรียนเต็มแล้ว ผู้ปกครองบางคนยังหมดโอกาสที่จะเตรียมหาที่เรียนที่เหมาะสมให้กับบุตรหลาน เพราะเวลากระชั้นชิดเกินไป ตลอดจนหมดโอกาสที่จะเลือกโรงเรียนที่สามารถเดินทางรับส่งบุตรหลานที่ไม่ไกลบ้าน และสะดวกต่อการเดินทางของผู้ปกครองในการทำงาน

4.ผู้ปกครองได้รับความเดือดร้อนในเรื่องค่าใช้จ่ายที่ต้องไปสมัครเรียนที่ใหม่ เพราะต้องชำระค่าเทอมที่โรงเรียนใหม่ทันทีเป็นเงินสดเต็มจำนวน นอกจากนั้นผู้ปกครองยังต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่ไม่ได้มีการเตรียมตัว เช่น ค่าเครื่องแบบ ค่าอุปกรณ์การเรียน ค่าเรียนปรับพื้นฐาน ค่าเรียนซัมเมอร์ เป็นต้น ซึ่งอาจจะเสียค่าใช้จ่ายตั้งแต่ 10,000-30,000 บาท








Advertisement

5.ผู้ปกครองหลายคนซื้อเครื่องแบบนักเรียน อุปกรณ์การเรียนกับทางโรงเรียนเดิมไว้จำนวนมาก เพื่อให้นักเรียนมีใช้ในระยะยาว แต่ทางโรงเรียนกลับแจ้งปิดกะทันหัน

6.ผู้ปกครองหลายคนต้องเป็นหนี้ บางคนรูดบัตรเครดิต เนื่องจากต้องชำระค่าเล่าเรียนใหม่เต็มจำนวน

7.ทางโรงเรียนมีพฤติกรรมที่น่าสงสัย เพราะครูประจำชั้นให้ผู้ปกครองกรอกเอกสารคำร้องขอย้ายโรงเรียน ซึ่งในความจริงแล้วทางผู้ปกครองไม่ได้มีความประสงค์ที่จะย้าย แต่เป็นเพราะโรงเรียนปิดกิจการ ผู้ปกครองเพียงแค่รอรับเอกสารทางการศึกษา และสมุดพก เพื่อนำไปสมัครเรียนเท่านั้น แต่ทางโรงเรียนกลับปฏิบัติเหมือนผู้ปกครองยินดีจะย้ายบุตรหลานไปเรียนที่อื่นเอง

8.นักเรียนหลายคนมีอาการซึมเศร้า เนื่องจากต้องแยกย้ายจากเพื่อนตนเอง ซึ่งส่งผลกระทบด้านจิตใจต่อเด็กอย่างรุนแรง

“โรงเรียนมีนักเรียนกว่า 600 คน ตอนนี้เราได้รวบรวมผู้ปกครองและนักเรียนที่ได้รับผลกระทบกว่า 200 คนแล้ว อยากให้ผู้บริหารโรงเรียนมาพูดคุย หารือกับผู้ปกครอง ว่าจะเยียวยานักเรียนที่ได้รับผลกระทบอย่างไร เช่น อาจจะช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการเข้าโรงเรียนใหม่ เพราะเมื่อสมัครโรงเรียนใหม่ ผู้ปกครองมีค่าใช้จ่ายเยอะมาก และจ่ายเงินอย่างกระชั้นชิด และก่อนหน้าที่โรงเรียนไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะปิดกิจการ แม้ว่าโรงเรียนขาดทุนจริง ทางโรงเรียนควรเรียกประชุมผู้ปกครองเพื่อหารือให้ผู้ปกครองสามารถวางแผนให้บุตรหลานของตนได้ หากโรงเรียนไม่มาเจรจา หรือหาข้อยุติไม่ได้ อาจจะฟ้องโรงเรียนต่อไป” นางศิริพร

ด้าน นายมณฑล กล่าวว่า น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศธ. และนายอรรถพล สังขวาสี ปลัด ศธ.​ มีความห่วงใยเรื่องนี้มากต่อไป สช.จะช่วยประสานกับโรงเรียนในสังกัดต่าง ๆ และจะเชิญผู้ปกครอง และโรงเรียนในกลุ่มเป้าหมาย ที่จะย้ายเด็กไปเรียน มาพูดคุยเพื่อหาทางช่วยเหลือให้นักเรียนทุกคนได้มีที่เรียน จากการตรวจสอบพบว่าโรงเรียนดังกล่าว ยื่นหนังสือขอยกเลิกกิจการ โดยให้เหตุผลว่าในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 โรงเรียนประสบสภาวะขาดทุน และมีผู้ปกครองบางคนค้างจ่ายค่าเทอมจำนวนมาก ทำให้โรงเรียนขาดสภาพคล่อง

นายมณฑล กล่าวต่อว่า ถ้าโรงเรียนดำเนินการต่อไป ก็อาจจะกระทบต่อคุณภาพการศึกษา เมื่อโรงเรียนยื่นหนังสือขอยกเลิกกิจการ สช. จะพิจารณาก่อนว่าเหตุผลที่โรงเรียนให้มานั้น เป็นจริงหรือไม่ และเมื่อโรงเรียนปิดกิจการ ผู้ปกครอง นักเรียน และครูอย่างไร ขณะนี้ สช.ยังไม่ได้อนุญาตให้โรงเรียนเลิกกิจการ เพราะจะผ่านกระบวนการพิจารณาก่อน

“ทางโรงเรียน แจ้งผู้ปกครองกระชั้นชิดเกินไป ถือเป็นความบกพร่องของโรงเรียน สช. จะรับข้อร้องเรียนที่ผู้ปกครองได้รับผลกระทบทั้ง 8 ข้อ ที่ผู้ปกครองเสนอมา ดูรายละเอียดว่าจะสามารถช่วยเหลือผู้ปกครองอย่างไร นอกจากนี้จะเข้าพูดคุยกับโรงเรียน ว่า จะช่วยเหลือผู้ปกครองเพิ่มเติมได้อย่างไรบ้าง แต่เบื้องต้น ทางสช.​ได้รับเรื่องร้องเรียนเมื่อวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมา ผมได้โทรหาผู้ได้รับใบอนุญาตก่อตั้งโรงเรียนทันที แต่ทางผู้รับใบอนุญาตไม่สะดวกที่จะพูดคุย ทั้งนี้ สช.ขอให้ความมั่นใจกับผู้ปกครองว่าจะหาทางช่วยเหลือให้ผู้ปกครองได้รับผลกระทบน้อยที่สุด” นายมณฑล กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน