โควิด จากการณีชาวชาว จ.นราธิวาส อายุ อายุ 51 ปี ซึ่งเป็นผู้ถูกกักกันตัวเพื่อตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 พลัดตกจากอาคารภายในโรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่งพื้นที่ จ.สุมทรปราการ เสียชีวิต โดยผู้ตายเดินทางกลับมาจากประเทศอินโดนีเซีย หลังจากไปประกอบกิจกรรมทางศาสนา และจะต้องถูกกักตัวเป็นเวลา 14 วัน ซึ่งผู้ตายเข้ารับการกักตัวตรวจหาเชื้อโควิด-19 แล้วเป็นเวลา 13 วัน และจะถูกปล่อยตัวกลับบ้านที่ จ.นราธิวาส ในวันรุ่งขึ้น อ่านข่าว พยาบาลช็อก! ชายกักตัวหาเชื้อ โควิด คลั่งพังห้องผู้ป่วย ดิ่งชั้น 8รพ.ดับ

ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 13 เม.ย. ญาติของผู้ตายได้เดินทางมาเพื่อติดต่อขอรับศพกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้านเกิดใน จ.นราธิวาส แล้ว จากการสอบถามแพทย์ผู้ดูแลรักษา ได้ให้ข้อมูลว่า ผู้ตายได้เดินทางกลับมาจากประเทศอินโดนีเซีย ที่ไปร่วมกิจกรรมทางศาสนา มาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ในวันที่ 30 มี.ค. กลุ่มเดียวกันมีด้วยกัน 19 คน ได้ถูกแบ่งมาที่สถาบันราชประชาสมาสัย 5 คน และโรงพยาบาลสมุทรปราการ 14 คน จากนั้นถูกส่งต่อมายังสถาบันราชประชาสมาสัย เพื่อกักกันตัว 14 วัน

กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

เนื่องจากการเดินทางกลับมาและมีอาการไข้ ตรวจพบเชื้อไวรัสโควิด-19 จากการให้การรักษา อาการก็ดีขึ้นจนกระทั่งล่าสุด ตรวจไม่พบเชื้อในร่างกายแล้วทั้งหมด 5 คน คาดว่าภายในวันที่ 13-14 เม.ย. ก็จะให้กลับบ้านได้ จึงได้แจ้งให้ทราบแล้วและได้ติดต่อให้ทางญาติรับทราบ เพื่อจะได้มารับตัวกลับไปดูแลต่อที่บ้าน แต่ก็มาเกิดเหตุสลดดังกล่าว ส่วนสาเหตุที่ทำให้ผู้ป่วยกระโดดลงมาจากบริเวณชั้น 8 ของอาคารดังกล่าว

ขณะที่ นายอาจินต์ ชลพันธุ์ ผู้อำนวยการสถาบัน กล่าวว่า จากที่สถาบันราชประชาสมาสัยได้รับตัวผู้กักกันทั้ง 5 คนมานั้นได้จัดห้องไว้ที่ชั้น 8 ของอาคาร และแบ่งเป็น 2 ห้อง ส่วนผู้ตายอยู่รวมกับเพื่อนอีก 2 คน ในช่วงระหว่างดูอาการรักษาตัวอยู่ที่สถาบันนั้นทางคณะทีมแพทย์และผู้ถูกกักรวมถึงผู้ตายก็อยู่ร่วมด้วยกันดี ผู้ตายก็ไม่มีท่าทีจะเครียดหรืออาการทางจิตเวชแต่อย่างใด จนมาถึงวันเกิดเหตุได้สอบถามเพื่อนที่อยู่ร่วมห้องได้เล่าให้ฟังว่า ผู้ตายได้ตื่นมากลางดึกก่อนเกิดเหตุได้เดินไปหาเพื่อนร่วมห้องและขอดูนาฬิกาถามว่ากี่โมงแล้ว

จากนั้นผู้ตายได้ถอดนาฬิกาของเพื่อนร่วมวงจะปาลงไปที่พื้น แล้วเกิดอาการคล้ายคนคุ้มคลั่ง เพื่อนร่วมห้องถึงได้เดินมาบอกเจ้าหน้าที่พยาบาลหน้าห้องว่าผู้ตายอะโวยวาย จากนั้นพยาบาลจึงได้ไปแจ้ง รปภ.ที่อยู่หน้าทางเข้าชั้นที่ 8 ก็พบว่าผู้ตายมีอาการเหมือนคนคุ้มคลั่งจริง รปภ.จึงได้เรียก รปภ.ที่อยู่ด้านล่างขึ้นมาเพื่อควบคุมตัวผู้ตาย แต่ผู้ตายก็ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ รปภ.จึงได้พยายามเข้าไปควบคุมตัวเลยเกิดการปะทะกัน จนทำให้ผู้ตายวิ่งออกมานอกห้องบริเวณหน้าต่างทางขึ้นลงบันได แล้วเกิดพลัดตกลงไปเสียชีวิตดังกล่าว

จากการสอบถามญาติของผู้ตาย ได้บอกว่าผู้ตายอาจจะมีอาการจิตเวชอ่อนๆ โดยที่ทางสถาบันไม่ทราบข้อมูลประวัติในทางนี้ ส่วนมาตรการในการดูแลผู้ถูกกักทางสถาบันได้ให้แยกออกมาอยู่เป็นส่วนตัว โดยให้อยู่ห้องพักชั้น 8 ซึ่งมีเจ้าหน้าที่พยาบาลอยู่เวรละ 3 คน และด้านหน้าประตูมี รปภ.อยู่ 1 คน ประตูด้านหน้าทางเข้าห้องจะถูกล็อคตลอดเวลา โดยมี รปภ.เป็นผู้ดูแล ส่วนสาเหตุในครั้งนี้คาดว่าผู้ตายน่าจะมีอาการเครียดเรื่องส่วนตัว บวกกับผู้ตายมีอาการทางจิตอ่อนๆ จึงไม่สามารถควบคุมตัวเองได้

จากการสอบถามผู้ป่วยที่พักอยู่ภายในสถาบันดังกล่าว ได้เล่าให้ฟังว่า ตนเพิ่งทราบข่าวว่ามีผู้กระโดดลงมาจากตึก และได้เข้าไปพูดคุยกับหลานชายของผู้ตาย ได้เล่าให้ฟังว่า น้าชายของตนเป็นคนตัวใหญ่แรงเยอะ และก่อนหน้านี้ ผู้ตายได้โทรหาญาติๆ ทุกคน และบอกกับญาติๆ ว่าเดี๋ยวก็จะได้กลับบ้านแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง คล้ายกับเป็นการบอกลา บรรดาญาติก็ดีใจและเตรียมที่จะมารับตัวกลับภูมิลำเนา แต่ก็ได้รับโทรศัพท์แจ้งข่าวร้ายจากทางโรงพยาบาลดังล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน