ลูกสาวเดือด วัยรุ่นเลือดร้อน รุมกระทืบพ่อ วัย 55 ปี หน้างานย่าโม โคราช ถาม ทำไมไม่ตัวต่อตัว ลั่น เอาเรื่องถึงที่สุด เผยสาเหตุ หยุดรถเก็บของแต่เกิดไปตัดหน้า
วันที่ 15 มี.ค.2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์คลิปเหตุการณ์ชายวัยกลางคนรายหนึ่งถูกกลุ่มวัยรุ่นนับสิบคน รุมทำร้ายริมถนน พร้อมระบุข้อความว่า “ว้าวเก่ง ใครน้อเสไหนมาแนะนำตัวหน่อยค่ะ หนูอยากรู้จักคนเก่ง เก่งได้ทำไมไม่ตัวต่อตัว เก่งแบบไหน
ถ้าคนแก่ผิด คนแก่เปิดคุณก่อน ทำไมคุณไม่ตัวต่อตัว คุณรุมทำไม คุณอยู่บ้านไหน แต่ขอบคุณมากเจอกันค่ะ ฝากดูด้วยค่ะ ขอบคุณคนครบุรีที่น่ารักที่ช่วยเหลือนะคะ ขอบคุณมากขอบคุณจริง ๆ ช่วยกันแชร์หน่อยค่ะ อยากรู้ตัวคนทำ” หลังจากโพสต์ออกไป ต่างพากันแชร์โพสต์และแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก
ซึ่งผู้สื่อข่าวได้สอบถามผู้โพสต์เป็นหญิงสาวคนหนึ่งอยู่ใน อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ให้ข้อมูลว่า ชายวัยกลางคนที่ถูกกลุ่มวัยรุ่นรุมทำร้าย คือพ่อของผู้โพสต์ อายุประมาณ 55 ปี เดิมอยู่ จ.เพชรบูรณ์ แต่มารับจ้างทำงานก่อสร้างประมาณ 8 ปีแล้วในพื้นที่ อ.ครบุรี
โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นช่วงเวลา 03.30 น.ของวันที่ 13 มี.ค.ที่ผ่านมา เป็นคืนวันสุดท้ายของการจัดงานวันฉลองชัยชนะของท้าวสุรนารี ประจำอำเภอครบุรี ตอนนั้นพ่อของผู้โพสต์ขับรถจะกลับบ้านพัก แต่ทำของตกกลางถนน จึงหยุดรถก้มเก็บ แต่เกิดไปตัดหน้ากับรถจักรยานยนต์ของวัยรุ่นคนหนึ่ง แล้วมีปากเสียงกัน
กระทั่งถูกกลุ่มวัยรุ่นรุมทำร้ายตามคลิป ได้รับบาดเจ็บฟกช้ำบริเวณศีรษะและตามร่างกายหลายจุด ซึ่งได้พาพ่อไปแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจ สภ.ครบุรี แล้ว อาการตอนนี้ระบมที่ศีรษะและร่างกายซีกซ้ายหลายแห่ง
อยากให้ตำรวจดำเนินการตามกฎหมายกับกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มนี้อย่างเด็ดขาด ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการติดตามตัวกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ล่าสุด พ.ต.อ.นพดล ช่วยบุญ ผกก.สภ.ครบุรี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา มีตัวแทนของกลุ่มวัยรุ่นติดต่อเข้ามาว่า วัยรุ่นจะขอเข้ามอบตัวในวันนี้ ซึ่งเป็นเพียงบางราย 3-4 คนเท่านั้นที่ลงมือก่อเหตุ ไม่ใช่ทั้งกลุ่ม ตอนนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดว่ายังเป็นเยาวชนอยู่หรือไม่
พ.ต.อ.นพดล กล่าวต่อว่า และจากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่า หลังงานวันฉลองชัยชนะของท้าวสุรนารีเลิกแล้ว คู่กรณีทั้งสองฝ่ายได้มีปากเสียงกัน คุยกันไม่รู้เรื่อง จนกระทั่งมีการก่อเหตุทำร้ายร่างกายกัน โดยผู้ก่อเหตุไม่ได้มีการใช้อาวุธ ผู้เสียหายจึงไม่ได้รับบาดเจ็บรุนแรง เมื่อเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลครบุรี ก็สามารถกลับไปพักรักษาตัวที่บ้านได้
พ.ต.อ.นพดล กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้ก่อเหตุได้เข้ามอบตัว เจ้าหน้าที่ก็ต้องตรวจสอบประวัติว่า ยังเป็นเยาวชนหรือมีประวัติอาชญากรรมหรือไม่ ก่อนที่จะสอบปากคำอย่างละเอียดตามขั้นตอน แต่ก็ต้องแจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น” ซึ่งจะได้นำคลิปภาพจากกล้องวงจรปิดและหลักฐานอื่น ๆ มาประกอบสำนวนดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป