ผัวหึงโหด ใช้ขวานฟันเมียดับคาบ้าน รุ่งเช้าบอกลูกไปดูศพแม่ เพื่อนบ้านได้ยินเสียงทะเลาะกัน ก่อนเห็นผัวออกจากบ้าน เผยผัวมีอาการทางจิต นั่งนิ่ง ไม่ยอมให้การตร.
เมื่อวันที่ 17 มี.ค.67 ร.ต.อ.พงศพัศ อัครปรีชาพงพัน รอง สว.สอบสวน สภ.พนา จ.อำนาจเจริญ รับแจ้งเหตุฆาตรกรรม ที่บ้านดอนขวัญ ม.2 ต.พนา อ.พนา จ.อำนาจเจริญ จึงประสานแพทย์เวร รพ.พนา เข้าร่วมตรวจสอบ
เมื่อถึงไปที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว พบศพ นางนิตยา อายุ 56 ปี อยู่ภายในห้องบ้านหลังดังกล่าว โดยสภาพศพนอนหงายอยู่บนที่นอนสวมเสื้อสีฟ้า และผ้าถุงสีม่วง พบร่องรอยการถูกฟันอย่างแรงด้วยของมีคมเข้าที่บริเวณลำคอ ใกล้กับศพพบขวาน ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นอาวุธที่ใช้ก่อเหตุในการฆาตรกรรมครั้งนี้
ซึ่งผู้ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีนี้คือ นายสายสุรีย์ อายุ 63 ปี สามีของผู้ตาย จากการสอบถามเพื่อนบ้านผู้ก่อเหตุ มีอาการป่วยทางจิตเวช มีอาการหึงหวงภรรยา และเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมาทั้งคู่มีปากเสียงกัน และคาดว่าสามีของผู้ตายจะใช้ขวานฟันเข้าที่บริเวณคอของผู้ตาย
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ติดตามจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ที่บ้านของผู้ตาย ก่อนที่จะนำตัวผู้ต้องสงสัยมาสอบปากคำที่ สภ.พนา โดยขณะที่สอบปากคำ ผู้ต้องสงสัยไม่ยอมพูดหรือให้การใดๆ กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีอาการมึนงง นั่งนิ่งเงียบ
ทางเจ้าหน้าที่จึงให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเก็บดีเอ็นเอ เพื่อนำไปตรวจสอบกับขวานที่ใช้ก่อเหตุในครั้งนี้ว่าตรงกันหรือไม่ ก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่จะนำตัวผู้ต้องสงสัยเข้าห้องขัง สภ.พนา เพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป
ต่อมาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังจุดที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวยกพื้น ไม่พบกับญาติของผู้ต้องสงสัยหรือผู้ตายแต่อย่างใด เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ส่งศพไปชันสูตรอย่างละเอียดที่นิติเวช เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง
ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับเพื่อนบ้าน ที่อาศัยอยู่ใกล้กับบ้านหลังที่เกิดเหตุ เพื่อนบ้าน เปิดเผยว่า ปกติแล้ว 2 ผัว ก็อยู่ด้วยกันที่บ้านหลังนี้ แต่ช่วงหลังเหมือนมีปัญหากัน คนที่เป็นเมียจึงกลับไปนอนที่บ้าน แต่ก็เหมือนว่าเมื่อคืนนี้ คนที่เป็นสามีจะบังคับให้คนเป็นเมียตามกลับมาที่บ้าน ตนก็ได้ยินเสียงเหมือนทั้งคู่ทะเลาะกัน
หลังจากเสียงเงียบไป ก็เห็นแต่คนที่เป็นสามีเดินออกมาจากบ้าน เข้าไปในทางตัวเภอพนา มารู้อีกทีว่าคนเป็นเมียเสียชีวิต ก็ตอนที่ลูกของผู้ตายมาที่บ้าน เนื่องจากคนที่เป็นสามีบอกให้ลูกชายไปดูศพและมาเอาของที่บ้านหลังนี้ ก่อนที่จะโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้เข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุ
