‘วิทิต ลีนุตพงษ์’รุกเข้ม ‘คาราเวล T69’รุ่นพิเศษ
คอลัมน์ – สัมภาษณ์
‘วิทิต ลีนุตพงษ์’ – คลุกคลีตีโมง อยู่ในวงการรถยนต์ ตั้งแต่ตัวกะเปี๊ยกด้วยเพราะ ‘วิทิต ลีนุตพงษ์’ มีหน้าที่ต้องช่วยคุณพ่อ ในการทำงานทั้งงานขายที่โชว์รูม ไปจนถึงงานบัญชีซื้อ–ขาย รถยนต์ที่อยู่ในเครือตลอดช่วงหลายสิบปี ที่ผ่านมา
และวันนี้ในฐานะ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทไทยยานยนตร์ จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์ โฟล์กสวาเกน คาราเวล อย่างเป็นทางการในประเทศไทย เปิดวิสัยทัศน์ ก้าวต่อไปของไทยยานยนตร์
◆ มี ‘คาราเวล’ รุ่นพิเศษ
บริษัทพัฒนารถยนต์ในส่วนของการตกแต่งภายในห้องโดยสาร โฟล์กสวาเกน คาราเวล เป็น ‘Luxury Conversion Van’ รุ่นพิเศษเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า จนได้มาเป็น ‘ไทยยานยนตร์ คาราเวล T69’ จากการออกแบบวิจัยโดยทีมวิศวกรคนไทย ได้รับการรับรองมาตรฐานจากโฟล์ก สวาเกน เป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับบริษัทของเรา ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่าย เท่านั้น แต่มีผลิตภัณฑ์ของตัวเอง แบบที่ยากจะหาคนพัฒนาตามได้ทัน
◆ แผนรุกตลาดขั้นต่อไป
อยู่ระหว่างเจรจากับ โฟล์กสวาเกน เยอรมนี ส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ในเอเชียโดยมีลูกค้าและตัวแทนจำหน่ายที่ไต้หวันให้ความสนใจเป็นพิเศษ แต่เราต้องการให้ส่งออกไปยังตัวแทนจำหน่ายของโฟล์กสวาเกน อย่างเป็นทางการในทุกพื้นที่ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต คาดว่าภายในกลางปี 2563 จะมีข้อสรุป
◆ ไฮไลต์ ‘คาราเวล T69’
ฟังก์ชันใช้งานให้ทั้งความหรูหรา และความป็นส่วนตัว เบาะนั่ง VIP แบบกัปตันซีต หุ้มหนังแท้คุณภาพเดียวกับผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำ มีที่รองขาและวางเท้าปรับด้วยระบบไฟฟ้า ผ่านการรับรองตามข้อกำหนดสรีรศาสตร์ มาตรฐานสากลจากเยอรมนี กระจกกั้นห้องโดยสารส่วนหน้า–หลัง ควบคุมด้วยไฟฟ้า พร้อมด้วยระบบเก็บเสียง กระจกแบบ Laminated Glasses เพื่อไม่ให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้ยินเสียงสนทนา เพื่อความเป็นส่วนตัว ระบบเอ็นเตอร์เทนเมนต์ทำงานผ่านแอพพลิเคชั่น จาก สมาร์ตโฟน ควบคุมจอแอลอีดี ระบบเสียงคุณภาพสูง เซอร์ราวด์รอบทิศทาง
◆ เป้าหมายยอดขาย
ปีนี้ตั้งไว้ที่ 400 – 500 คัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาท ขณะที่ในปีหน้ามองว่าจะขยับขึ้นไปได้เป็น 600 คัน ซึ่งเป็นผลมาจากการเปิดตัว ไทยยานยนตร์ คาราเวล T69 รุ่นใหม่ ซึ่งมีให้เลือก 2 รุ่น ราคา 3.969 – 4.069 ล้านบาท หากการเจรจาเรื่องการส่งออกประสบความสำเร็จมั่นใจว่ายอดขายจะเติบโตขึ้นจากปัจจุบันได้กว่า 100%
ปัจจุบันที่สัดส่วนยอดขายลูกค้าในกรุงเทพฯ 90% และต่างจังหวัด 10% มีโชว์รูมและศูนย์บริการกระจายอยู่ทั่วประเทศทุกภูมิภาค ทั้งเชียงใหม่ นครราชสีมา ภูเก็ต และกรุงเทพฯ อีก 6 แห่ง สามารถให้บริการและรองรับลูกค้าได้อย่างเพียงพอ