นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ในฐานะประธานคณะทำงานดำเนินการระบายข้าวในสต๊อกรัฐ เปิดเผยว่า กรมการค้าต่างประเทศเตรียมเปิดประกาศทีโออาร์ ระบายข้าวกลุ่มที่ 2 เพื่อเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคน ปริมาณ 1.5 ล้านตัน และระบายข้าวกลุ่มที่ 3 เพื่อเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคนและสัตว์ ปริมาณ 5 แสนตัน รวม 2 ล้านตัน โดยจะเปิดในวันที่ 4 มิ.ย. 2561 พร้อมกันทั้งสองกลุ่ม

พร้อมกันนี้ จะเปิดให้ยื่นตรวจสอบคุณสมบัติในวันที่ 11 มิ.ย. และวันที่ 14-15 มิ.ย. 2561 จะเปิดให้ยื่นซองเพื่อประมูลข้าวต่อไป อีกทั้งยืนยันว่าการประมูลข้าวทั้ง 2 กลุ่ม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการป้องกันการรั่วไหลของข้าวเข้าสู่ตลาดปกติหรือนำไปผิดวัตถุประสงค์อย่างแน่นอน เนื่องจากทีโออาร์มีรายละเอียดอย่างชัดเจนว่าผู้ที่จะเข้าร่วมประมูลได้ต้องมีคุณสมบัติอย่างไร ซึ่งผ่านมามีการตรวจสอบอย่างชัดเจน

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา กรมฯ รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ออกประกาศทีโออาร์เพื่อเปิดประมูลข้าวในสต๊อกรัฐบาล เมื่อมีผู้สนใจและชนะการประมูลแล้ว ก็จะเข้าสู่กระบวนการขั้นตอนของการทำสัญญาซื้อ-ขาย โดยเป็นหน้าที่ขององค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) เป็นผู้ดำเนินการ เป็นคู่สัญญา ดังนั้น การระบายข้าวที่ผ่านมาก็จะดำเนินการเช่นนี้

อย่างไรก็ดี จะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อติดตามดูแลและตรวจสอบ คือ คณะอนุกรรมการกับกับดูแลในการตรวจสอบ และคณะทำงานระดับจังหวัด คอยดูแลตรวจสอบอย่างใกล้ชิด อีกทั้ง ยังจัดทำคู่มือในการดำเนินการมาตรการป้องกันการรั่วไหลด้วย พร้อมทั้งเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมารับฟังคำชี้แจงขั้นตอนต่างๆ เพื่อป้องกันปัญหาด้วย ซึ่งที่ผ่านมามีการดำเนินการป้องกันอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมามีกระแสพบว่า มีเอกชนที่ชนะประมูลได้มีการนำข้าวที่ประมูลได้ไปใช้ผิดวัตถุประสงค์นั้น ขณะนี้ ยังอยู่ในขั้นตอนของการตรวจสอบว่าผิดจริงหรือไม่ ซึ่งก็ต้องหาข้อเท็จจริงต่อไป

นอกจากนี้นายอดุลย์ ยังกล่าวอีกว่า ตั้งแต่พ.ค. 2557 ถึงปัจจุบัน กรมการค้าต่างประเทศดำเนินการทยอยข้าวในสต๊อกของรัฐแล้วปริมาณ 14.84 ล้านตัน คงเหลือข้าวที่รอการระบายประมาณกว่า 2 ล้านตัน และเนื่องจากข้าวคงเหลือดังกล่าวส่วนใหญ่ตั้งกองปะปนกัน และมีข้าวบางส่วนเป็นข้าวที่ยุ่ยเป็นผุยผง เมล็ดลาย ขึ้นรา มีกลิ่นเหม็น มีฝุ่น เป็นต้น ซึ่งไม่คุ้มค่าหรือไม่อาจปรับปรุงเพื่อการบริโภคของคน คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) จึงเห็นชอบแนวทางการระบายข้าวคงเหลือในสต๊อกของรัฐเข้าสู่ช่องทางที่เหมาะสมกับสภาพข้าวเพื่อรักษาประโยชน์สูงสุดของรัฐ โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อตลาดราคาข้าวและธัญพืชอื่นที่เกษตรกรได้รับ

โดยย้ำให้อคส. และ อ.ต.ก. ในฐานะคู่สัญญาและหน่วยปฏิบัติในการดำเนินมาตรการการกำกับดูแลการนำข้าวไปใช้ให้ตรงตามวัตถุประสงค์ที่ผู้เสนอซื้อมีหนังสือรับรองไว้ คือ กำหนดเงื่อนไขและบทลงโทษในสัญญาซื้อขายข้าวสารในสต๊อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ชัดเจนรัดกุมในทุกกระบวนการหากผู้เสนอซื้อไม่ปฏิบัติตามสัญญาจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายทั้งทางแพ่งและทางอาญา รวมทั้งขยายขอบเขตความรับผิดชอบของสัญญาให้ครอบคลุมผู้ซื้อทุกทอด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน