ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 17 พ.ค. 2561 ที่โรงแรมสยามเคมปินสกี้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม พร้อมด้วย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอและคณะ ร่วมหารือ กับนายเพค อุน กยู รมว.การค้า อุตสาหกรรมและพลังงาน สาธารณรัฐเกาหลี และคณะบริษัทเกาหลีรายใหญ่ที่มาลงทุนในประเทศไทย ในหลายอุตสาหกรรม เช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ การสื่อสาร ค้าปลีก สายการบิน เนื่องในโอกาสงานสัมมนา “Korea-Thailand 60th Aniversary of Diplomatic Relations: Maekyung Thailand Forum” ซึ่งจัดขึ้นโดย เมคยอง มีเดีย กรุ๊ป สื่อชั้นนำด้านธุรกิจของเกาหลีใต้

นายสมคิด กล่าวปาฐกถาพิเศษในงานสัมมนา ให้กับนักธุรกิจและนักลงทุนบริษัทชั้นนำจากประเทศเกาหลีใต้กว่า 170 คน ว่า งานสัมมนาในวันนี้ เป็นโอกาสอันดีที่นักธุรกิจเกาหลีใต้ได้เล็งเห็นถึงโอกาสการลงทุน ในประเทศไทยที่เปิดกว้างและมีความพร้อมในการรองรับการลงทุนใหม่ๆ ทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ทั่วประเทศ การพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี การจัดตั้งเขตพัฒนานวัตกรรม หรือ อีอีซีไอ และดิจิทัลพาร์คไทยแลนด์ หรือ อีอีซีดี เพื่อเป็นแหล่งรองรับการลงทุนใหม่ของเกาหลีใต้ และเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมเป้าหมายแห่งอนาคต

นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้ปรับปรุงการอำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจให้มีประสิทธิภาพมาก ยิ่งขึ้น อาทิ การปรับแก้กฎหมายส่งเสริมการลงทุน กฎหมายด้านศุลกากร การออกกฎหมายอีอีซี และการออกสมาร์ทวีซ่า ซึ่งเปิดโอกาสให้นักลงทุนและผู้เชี่ยวชาญที่มีความสามารถในการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมาย สามารถเข้ามาทำงานในไทย และขอใบอนุญาตทำงานได้โดยสะดวกยิ่งขึ้น

“สิ่งที่กล่าวมานี้ เป็นพัฒนาการด้านการส่งเสริมการลงทุนในไทยที่เกิดขึ้นอย่างเป็นระบบภายใต้ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอให้นักธุรกิจเกาหลีใต้มั่นใจได้ว่า ประเทศไทยพร้อม ที่จะร่วมมือกับประเทศหุ้นส่วนในการลงทุนเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนร่วมกัน รัฐบาลไทยขอเชิญนักลงทุนจากเกาหลีใต้นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ในกิจการเดิมที่มีอยู่แล้ว หรือเข้ามาลงทุนในกิจการใหม่ เพื่อนำศักยภาพ ความหลากหลาย และจุดแข็งของเกาหลีและไทยมาผนึกกำลังร่วมกันสร้างความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจให้เข้มแข็งยิ่งขึ้นในอนาคต” นายสมคิด กล่าว

นายสมคิด กล่าวว่า เป็นโอกาสดีที่จะต้อนรับนักธุรกิจจากเกาหลีใต้ หลังจากที่คณะรัฐบาลไทยได้ไปเยือนเกาหลีใต้ในช่วง 2 ปีที่แล้ว ซึ่งการมาเยือนในครั้งนี้ เรียกว่าเป็นช่วงที่เหมาะสม ทั้งกับสถานการณ์และช่วงเวลา โดยในส่วนของสถานการณ์ขณะนี้ประเทศไทย บ้านเมืองสงบเรียบร้อย การเมืองมีเสถียรภาพ คาดว่าจะให้มีการเลือกตั้งได้ในช่วงต้นปี 2562 ขณะที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มที่ดี ฟื้นตัวมีเสถียรภาพ โดยปี 2014 ขยายตัว 1% ปี 2015 ขยายตัว 3% ปี 2016 ขยายตัว 3.3% ปี 2017 ขยายตัว 3.9% และคาดว่าปี 2018 จะขยายตัวได้มากกว่า 4% อีกทั้งยังมีแรงส่งจากความเชื่อมั่นในบริโภค ลงทุนภาคเอกชน การส่งออกและการท่องเที่ยวขยายตัวต่อเนื่อง

“พื้นฐานเศรษฐกิจไทยในขณะนี้มีความแข็งแกร่งมาก อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ ทุนสำรองระหว่างประเทศสูงถึง 2 ล้านเหรียญสหรัฐ หนี้สาธารณะสัดส่วน 45% ของจีดีพี ขณะที่ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ก็เห็นตรงกันว่าไทยมีศักยภาพที่จะเติบโตได้อย่างน่าประทับใจ มีอนาคตที่แจ่มใส”

นายสมคิด กล่าวว่า ความสำคัญที่อยากจะเน้นย้ำให้รัฐบาลเกาหลีใต้และนักธุรกิจรับทราบไว้ คือ ปัจจัยเรื่องสภาพภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งทุกประเทศทั่วโลกขณะนี้ทราบดีว่าเวลานี้เป้นของประเทศในภูมิภาคเอเชีย ศูนย์กลางเศรษฐกิจเคลื่อนย้ายจากตะวันตก มายังเอเชีย เขตความร่วมมือ ทางการค้าสำคัญๆ ก็เกิดในภูมิภาคเอเชีย ไทยมีตำแหน่งภูมิรัฐศาสตร์ที่เป็นศูนย์กลาง ของภูมิภาคอาเซียน ที่เชื่อมโยงเหนือลงใต้ จากประเทศจีน และ ตะวันตกสู่ตะวันออก จากอินเดีย สู่ญี่ปุ่น ทำให้เห็นว่า ภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะกลุ่ม CLMVT จะเป็นศูนย์กลางทางการค้า การลงทุน ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ซึ่งขณะนี้เริ่มมีการประสานความร่วมมือต่างๆ และจะในอนาคตจะเห็นความชัดเจนในอัตราที่เร่งตัวมากขึ้น

สำหรับภูมิภาค CLMVT (กัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม และไทย) มีแนวโน้มเติบโตมากที่สุดในภูมิภาคเอเชีย และเป็นหัวใจของภูมิภาคอาเซียน ประเทศต่างๆให้ความสำคัญและเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น สำหรับประเทศไทยอยู่ในกลางภูมิภาค เป็นศูนย์กลางโดยธรรมชาติ และมีความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านดีเยี่ยม ทำให้ธุรกิจยักษ์ใหญ่ในต่างประเทศทยอยมาลงทุน และใช้ภูมิภาคนี้เป็นฐานอุตสาหกรรม ทำตลาดประเทศใกล้เคียง โดยในเดือน มิ.ย.นี้ จะมีการประชุมร่วมกันของกลุ่มประเทศ CLMVT มีไทยเป็นเจ้าภาพ และจะร่วมกับทำ มาสเตอร์แพลนเป็นครั้งแรก เป็นการจัดระเบียบยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจร่วมกัน หากประเทศใดเข้ามามีส่วนร่วมในแผนยุทธศาสตร์ ก็จะมีบทบาทในภูมิภาคนี้ในอนาคตสูง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน