ตาม อนันดา ตะลุย 3 ประเทศยุโรป ดูงานอสังหาฯ-ต้นแบบพัฒนาไทย

รายงานพิเศษ

มยุรี นวมมี

การเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ ASEAN Economic Community (เออีซี) เต็มรูปแบบตั้งแต่ปี 2558 ที่ผ่านมาทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายแรงงานวิชาชีพระหว่างประเทศสมาชิก 10 ประเทศคือ ไทย, สาธารณรัฐประชา ธิปไตยประชาชนลาว, กัมพูชา, สาธารณรัฐสังคม นิยมเวียดนาม, เมียนมา, มาเลเซีย, สิงคโปร์, บรูไน, ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย มากขึ้น

กลุ่มนักธุรกิจต่างชาติหรือแรงงานวิชาชีพต่างชาติ ไหลเข้ามาทำงานในไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพราะไทยเป็นที่ตั้งของฐานการผลิตและสำนักงานภูมิภาคของบริษัทการค้า และลงทุนขนาดใหญ่ โดยเฉพาะแรงงาน 7 สาขาวิชาชีพตามข้อตกลงเออีซี คือ วิศวกร พยาบาล สถาปนิก นักบัญชี และแพทย์ เป็นต้น

ฝ่ายวิจัยคอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย บริษัทวิเคราะห์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ ระบุว่าปริมาณนักธุรกิจชาวต่างชาติที่ขอใบอนุญาตทำงานในกรุงเทพมหานคร ในช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 2555 – ธันวาคม 2560 มีจำนวนมากถึง 86,205 คน และมีแนวโน้มต่อเนื่อง

จำนวนแรงงานต่างชาติที่เข้ามาพักอาศัยในไทยมากขึ้น ส่งผลให้ตลาดที่อยู่อาศัยในไทย โดยเฉพาะบริเวณรอบกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นศูนย์กลางธุรกิจการค้าเติบโตต่อเนื่อง แต่ข้อจำกัดเรื่องการถือครองกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัย ทำให้ต่างชาติไม่สามารถซื้อที่อยู่อาศัยหรือคอนโดฯได้เอง

ทำให้บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทยเร่งปรับกลยุทธ์ หันมาสร้างที่อยู่อาศัยในรูปแบบของอพาร์ตเมนต์เซอร์วิส ปล่อยให้ชาวต่างชาติเช่าอยู่อาศัยมากขึ้น เพิ่มเติมจากการสร้างคอนโดมิเนียมขายเพียงอย่างเดียว

รวมทั้งตอบโจทย์กระแสนิยมการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ที่ต้องการเช่าที่อยู่อาศัยระยะสั้น ที่มีความสะดวกสบายกว่าโรงแรมอย่างเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ที่มีจุดเด่นห้องพักมักจะกว้างขวาง สามารถทำกิจกรรมได้หลายๆ อย่าง เช่น ปรุงอาหาร และยังสามารถใช้บริการสปา ฟิตเนส และพื้นที่สีเขียวได้อีก

อนันดา

ล่าสุด นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ประกาศจับมือกับ ดิแอสคอทท์ (Ascott) ซึ่งเป็น ผู้บริหารธุรกิจเซอร์วิส อพาร์ต เมนต์ ชั้นนำระดับโลก หันมาลุยตลาดเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์เป็นครั้งแรก

พร้อมพาผู้สื่อข่าวเดินทางไปหลายประเทศแถบยุโรปไม่ว่าจะเป็นเช็กเกีย, ออสเตรีย และเยอรมนี ศึกษาดูงานการพัฒนาด้านอสังหาริมทรัพย์ เพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย

เพราะ อนันดา เตรียมเปิดตัวโครงการเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ 4 โครงการ ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพสูงใจกลางกรุงเทพฯ มูลค่าโครงการรวมกว่า 10,000 ล้านบาท รวมกว่า 1,400 ยูนิต

ประกอบด้วย โครงการบนถนนพระราม 9 สาทร ทองหล่อ และสุขุมวิท ซอย 8 โดยจะเริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ ในไตรมาสแรกของปี 2563 โดยจะนำร่องโครงการแรก คือ บนถนนพระราม 9 กับโครงการ ซัมเมอร์เซ็ท รามา 9 บางกอก มูลค่าโครงการ 2,500 ล้านบาท จำนวน 445 ยูนิต

โดยมองว่าเป็นธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้ในระยะยาว และยังมองเห็นโอกาสการเติบโตของธุรกิจ และการท่องเที่ยวในไทย ที่เป็นศูนย์กลางทางการค้าของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีทรัพยากรทางธรรมชาติและ ศิลปวัฒนธรรมที่สวยงาม เป็นที่ดึงดูดแก่นักท่องเที่ยวมากขึ้นในทุกปี

ด้านบริษัท ดิ แอสคอทท์ จำกัด ซึ่งเป็นพันธมิตรเอง ก็แสดงความมั่นใจว่าปีนี้จะทำยอดขายได้ มากกว่า 80,000 ยูนิต ตั้งเป้าดันยอดขายให้ถึง 160,000 ยูนิตภายในปี 2566

อนันดา

นอกเหนือไปจากแผนเจาะตลาดเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ ย่านใจกลางเมืองแล้ว อนันดา ยังคงเดินหน้าสานต่อกับโครงการคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง โดยนายชานนท์มองว่า การพัฒนาของระบบรถไฟฟ้า ทำให้ประชากร จะย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองมากขึ้น ปริมาณรถยนต์ก็เพิ่มขึ้นจนก่อปัญหาจราจรติดหนัก ทำให้คนไทยเสียเวลา และค่าใช้จ่ายไปกับการเดินทางมากขึ้น

บริษัทจึงตั้งเป้าที่จะมุ่งมั่นไปสู่ Urban Living Solutions ดำเนินธุรกิจ ด้วยการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพ บนทำเลศักยภาพสูงและมีความสะดวกสบายในการเดินทาง จะช่วยให้ค่าใช้จ่ายในการเดินทางถูกลง พร้อมพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อนำไปเป็นส่วนหนึ่งของที่อยู่อาศัย ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัย และสะดวกสบายสู่คุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นของคนเมือง

ปัจจุบันมีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในขั้นตอนของการก่อสร้าง การบริการหลังการขาย สิ่งอำนวยความสะดวกสบายสำหรับประจำวัน เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค และเพิ่มคุณค่าให้กับโครงการมากยิ่งขึ้น ตามแนวคิดการดำเนินธุรกิจสู่ UrbanTech เตรียมรับมือสู่ความเปลี่ยนแปลงและความท้าทายระดับโลก

การนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามามีส่วนในการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีที่เรียกว่า ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligent-AI) หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า ?เอไอ? ถือเป็นความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในวงกว้างในทุกๆ ด้าน

คาดการณ์ว่าเอไอ จะช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศพัฒนา แล้ว ขยายตัวได้ถึง 1.7 เท่า ในปี 2578 และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของแรงงานโลกได้ถึง 30-40% โดยแวดวงที่เอไอเริ่ม เข้ามาเกี่ยวข้องในปัจจุบัน ได้แก่ แวดวงการเงิน แวดวงการแพทย์ และแวดวงธุรกิจ โดยมีการใช้เอไอจัดเก็บข้อมูลเพื่อรับทราบพฤติกรรมมนุษย์ นำไปสู่การนำเสนอสินค้าได้ตรงตาม กลุ่มเป้าหมาย

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง:

บริษัทเชื่อว่า อีก 5-10 ปีต่อจากนี้ เทคโนโลยีจะมีความก้าวหน้า และพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว และยังมีผลต่อกระบวนการก่อสร้าง ไม่ว่าจะเป็น วิธีการก่อสร้าง การออกแบบ สิ่งอำนวยความสะดวก ฯลฯ ที่จะเข้ามาบูรณาการการใช้ชีวิต สร้างสรรค์นวัตกรรมที่ช่วยประหยัดเวลา มีนวัตกรรมที่ช่วยดูแลสุขภาพ ช่วยดูแลเด็กและผู้สูงอายุ เรียกว่า เทคโนโลยีจะเข้าไปมีบทบาทในทุกแง่มุมของการใช้ชีวิต

ส่งผลให้ยุทธศาสตร์การลงทุน และแผนการดำเนินงานของบริษัท ต้องปรับตัวและพัฒนาอยู่เสมอ ให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด โดยเทคโนโลยีจะเป็นตัวช่วยที่ผู้นำทางธุรกิจจะเลือกใช้ เพื่อสร้างความแตกต่างให้กับสินค้า และบริการ เพื่อก้าวสู่ความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมของตน

จะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่โครงการที่อยู่อาศัยจะไม่ได้เป็นแค่ที่อยู่อาศัย แต่จะกลายเป็นสิ่งที่สามารถอำนวยความสะดวก

ทำให้คุณภาพชีวิตของชุมชนเมืองปรับตัวดีขึ้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน