ตาม‘เอพี’ยลสถาปัตย์‘มอสโก’ ผนึกนวัตกรรมใหม่พัฒนาอสังหาฯ

รายงานพิเศษ

ปัทมา ทองสิน

มหกรรมการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 อาจจะทำให้บรรยากาศการจับจ่ายโดยรวมคึกคักขึ้นในช่วงนี้

แต่กำลังซื้อในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์คึกคักมาตั้งแต่ไตรมาสแรกต่อเนื่องถึงไตรมาสสอง ส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภาพรวมแนวโน้มดีขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปี 2560 แรงขับเคลื่อนมาจากการเปิดตัวโครงการใหม่ๆ ประกอบกับการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างหนักและต่อเนื่อง ส่งให้ยอดขายและยอดโอนที่ขยายตัวเพิ่ม

เป็นแรงส่งให้ผู้ประกอบการอสังหาฯ หลายรายได้ปรับแผนทั้งปี 2561 ใหม่ ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ บมจ.”เอพี (ไทยแลนด์)”

“เอพี” ประกาศปรับแผนทั้งปีใหม่ จากแผนเดิมจะเปิดตัว 34 โครงการใหม่ในปี 2561 โดยปรับเพิ่มรวมทั้งสิ้น 43 โครงการใหม่มูลค่า 64,750 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการ แนวราบ 38 โครงการ มูลค่า 39,350 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 5 โครงการ มูลค่า 25,400 ล้านบาท ทำให้ปี 2561 นี้จะเป็นปีแห่งประวัติการณ์ของบริษัท เพราะแผนการเปิดตัวโครงการซึ่งจะมากที่สุดนับตั้งแต่จัดตั้งบริษัทมา

ครึ่งปีแรก เปิดตัวโครงการใหม่ไปแล้วจำนวน 8 โครงการ

ส่วนแผนครึ่งปีหลังนี้ ผู้บริหารและทีมงานของเอพี นำโดย นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานธุรกิจคอนโดมิเนียม และนายภมร ประเสริฐสรรค์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานธุรกิจแนวราบ นำสื่อมวลชนไปกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เพื่อแถลงใหญ่เปิดอีก 35 โครงการใหม่ มูลค่า 54,380 ล้านบาท

รวมทั้งชมสถาปัตยกรรมต่างๆ ที่น่าสนใจ

รัสเซีย เป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีความงามด้านสถาปัตยกรรมของโลก เช่น มหาวิหาร เซนต์เบซิล แลนด์มาร์กกลางกรุงมอสโก เสน่ห์ของสถาปัตยกรรมนี้อยู่ที่ความสวยงามและดีไซน์แปลกใหม่ รวมถึงสิ่งปลูกสร้างที่น่าสนใจของกรุงมอสโก รัสเซีย

สถาปัตยกรรมของที่นี่จะเป็นยุคฟื้นฟู มีรูปแบบที่แสดงให้เห็นถึงการเคลื่อนไหวที่แตกต่างของสถาปัตยกรรมยุโรปดั้งเดิม

สถาปนิกยุคฟื้นฟูไม่ได้ทำซ้ำโดยตรงกับสถาปัตยกรรมตามประเพณีแบบเก่า แต่ผสมผสานกันระหว่างรูปแบบอื่นๆ ที่เป็นสากลเข้าด้วยกัน เพื่อเชื่อมต่อไปสู่อนาคต

เฉกเช่นเดียวกับการออกแบบสิ่งปลูกสร้างของสถาปนิกในยุคนี้ ที่ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องของ “นวัตกรรม” ที่จะต้องนำมาใช้ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์

นายวิทการกล่าวว่า ความสำเร็จของนวัตกรรม อาจไม่ใช่สิ่งประดิษฐ์ใหม่ล่าสุดที่เกิดขึ้นครั้งแรกในอุตสาหกรรม แต่ความสำเร็จของนวัตกรรม คือ การสร้างกระบวนการคิด เพื่อเข้าถึงการเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคที่ซับซ้อนมากขึ้น และนำไปในสู่วิถีชีวิตใหม่อย่างยั่งยืน

ที่ผ่านมาการพัฒนาสินค้าทั้งแนวราบและแนวสูง เอพีได้นำแนวคิด”สแตนดาร์ด ดีไซน์ ธิงค์กิง”(Stanford Design Thinking) มาใช้ เพื่อค้นหาความต้องการแฝงของผู้บริโภคในอนาคต

หนึ่งในนวัตกรรมที่ทีมคอนโดฯ ประยุกต์ใช้ให้เห็นผลและเกิดขึ้นจริงอย่างเร่งด่วน คือการปรับกระบวนการก่อสร้างคอนโดมิเนียม ด้วยการนำเทคโนโลยี AI BIM (Artificial Intelligence Building Information Modeling) เทคโนโลยีการออกแบบงานก่อสร้างอาคารสูงอัจฉริยะ 7 มิติ ซึ่งคิดค้นขึ้นโดย Prof. จากมหาวิทยาลัย Stanford มาใช้อย่างครบวงจรเป็นรายแรกในประเทศไทย

จุดต่างของ AI BIM คือ มิติที่ 7 ครอบคลุมไปถึงกระบวนการบริหารจัดการอาคาร (AI BIM for Facility Management) ที่เป็นฐานข้อมูลสำคัญในการสืบค้นงานระบบและงานโครงสร้างทั้งหมด เพื่อการซ่อมบำรุงและรักษาสภาพของอาคารให้สมบูรณ์อย่างรวดเร็ว และแม่นยำ

ปัจจุบัน เอพีมีคอนโดมิเนียมที่อยู่ระหว่างการพัฒนา จำนวน 23 โครงการ มูลค่าคงเหลือขายรวมประมาณ 12,100 ล้านบาท โดยในปีนี้เอพีมีคอนโดฯที่ก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์และพร้อมโอนกรรมสิทธิ์จำนวนทั้งสิ้น 4 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 16,400 ล้านบาท ได้แก่

1. LIFE อโศก (โครงการร่วมทุน) มูลค่าโครงการ 7,500 ล้านบาท เริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่เดือนเมษายน

2. VITTORIO มูลค่าโครงการ 3,200 ล้านบาท เริ่มโอนกรรมสิทธิ์ในไตรมาสสอง

3. RHYTHM เอกมัย (โครงการร่วมทุน) มูลค่าโครงการ 2,700 ล้านบาท

และ 4. ASPIRE สาทร-ราชพฤกษ์ มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท ทั้ง 2 โครงการคาดว่าจะเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ประมาณไตรมาสสี่ของปีนี้

“บทเรียนหนึ่ง ที่เราได้เรียนรู้จากการทำงานร่วมกับ Prof. จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดคือ กระบวนการทำความเข้าใจในความต้องการแฝงของลูกค้า และการนำข้อมูลเหล่านั้นมาหาจิ๊กซอว์ตัวพิเศษ ที่จะสร้างความได้เปรียบให้กับสินค้าแนวราบของเอพี ถึงแม้วันนี้เรามีแบบบ้านที่อยู่ในระบบมากกว่า 70 โมเดลแล้ว แต่จากอายุของผู้ซื้อโครงการแนวราบที่ลดน้อยลง จากเดิมอายุ 31-35 ปี เหลือระหว่าง 18-35 ปี ถือเป็นสัญญาณที่บอกให้เราต้องลุกขึ้นตั้งรับกับเทรนด์พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป” นายภมรกล่าว

จากข้อมูลสรุปออกมาเป็นเทรนด์ในการพัฒนาโครงการแนวราบในอนาคตเป็น 3 เรื่องหลักๆ คือ

1.มัลติ เจนเนอเรชั่น ลีฟวิ่ง (Multi Generation Living) แนวโน้มการอยู่อาศัยร่วมกันของหลายช่วงอายุ ตั้งแต่เจเนเรชั่นรุ่นเบบี้ บูม ไปจนถึงเด็กเล็ก ดังนั้น บทบาทของพื้นที่ต่างๆ ภายในบ้านต้องคิดมากกว่าพื้นที่พักผ่อน ทุกพื้นที่ต้องได้รับการออกแบบบนพื้นฐานการเข้าใจในเรื่อง human scale หรือขนาดสัดส่วนของคนเรา และพฤติกรรมที่แตกต่างกันของคนแต่ละวัย

2.เฮลธ์ตี้ ลิฟวิ่ง (Healthy Living) การให้ความสำคัญกับการออกแบบพื้นที่ที่ส่งเสริมสุขภาพที่ดี ครอบคลุมความต้องการทั้งพื้นที่ส่วนกลางและภายในบ้าน

และ3.สมาร์ต โฮม ลิฟวิ่ง (Smart Home Living) การประยุกต์เอาเทคโนโลยีเข้ามา เพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตภายในบ้าน

ทั้งหมดนี้มาจากภาพรวมตลาดสินค้าแนวราบในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก ทั้งอายุของคนซื้อที่ลดน้อยลงเรื่อยๆ โดยจากข้อมูลเอพีย้อนหลัง 5 ปี กลุ่มคนที่ตัดสินใจซื้อมีอายุเฉลี่ยระหว่าง 18-35 ปี มากถึง 60% รวมถึงต้นทุนในการสรรหาที่ดิน เพื่อพัฒนาโครงการที่ถือเป็นตัวกรองสำคัญที่ทำให้ผู้เล่นในตลาดแนวราบเหลือน้อยลง

ที่ผ่านมาสินค้าแนวราบของเอพี ประสบความสำเร็จในสัดส่วนที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในทุกไตรมาส แม้แต่ยอดขายเดือนเมษายนที่ถือเป็นเดือนเทศกาล ยังสามารถสร้างยอดขายได้เฉลี่ยสัปดาห์ละ 400 ล้านบาท

ถ้าโมเมนตัมยอดขายไปได้เฉลี่ยประมาณ 350-400 ล้านต่อสัปดาห์ เชื่อว่าทั้งปีจะสามารถทำยอดขายได้เกินเป้าหมายอย่างแน่นอน

ดังนั้นในครึ่งปีหลัง จึงรุกแนวราบทุกสินค้า ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ และทาวน์โฮม เพิ่มถึง 8 โครงการใหม่

โครงการใหม่รวมทั้งหมดจะมีมากถึง 32 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 33,980 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยว 15 โครงการ มูลค่า 18,600 ล้านบาท โฟกัสตลาดครอบครัวคนเมือง มี fighting brand อย่าง CENTRO บ้านเดี่ยวสำหรับครอบครัวที่เริ่มต้น และ THE CITY บ้านเดี่ยวสำหรับครอบครัวขนาดใหญ่ ราคาเฉลี่ย 5-15 ล้าน

สินค้ากลุ่มทาวน์โฮม 17 โครงการ มูลค่า 15,380 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 2-10 ล้านบาท

สำหรับคอนโดมิเนียม เตรียมเปิดตัว 3 โครงการร่วมทุนระหว่างเอพี และมิตซูบิชิ จิโช เรสซิเดนซ์ (บริษัทในเครือมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป (MECG) ) มูลค่ารวมประมาณ 20,400 ล้านบาท

ไฮไลต์คือการเปิดตัวสินค้าระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ อย่างแบรนด์ คอนโดฯ THE ADDRESS ในทำเลใจกลางเมืองอย่างราชเทวี ภายใต้ชื่อโครงการ THE ADDRESS สยาม-ราชเทวี มูลค่า 8,300 ล้านบาท

และ LIFE Condo อีก 2 ทำเลศักยภาพ คือ LIFE LADPAO VALLEY มูลค่าประมาณ 6,400 ล้านบาท พร้อมเปิดพรีเซลในเดือนสิงหาคม และ LIFE ASOKE HYPE มูลค่าประมาณ 5,700 ล้านบาท พร้อมเปิดขายประมาณไตรมาส 4 ปีนี้

“เอพี”กำลังเดินหน้าสร้างปีแห่งประวัติการณ์