นายวิลเลี่ยม ไฮเน็ค ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเดินหน้าสู่วิสัยทัศน์ที่ต้องการเป็นผู้นำระดับโลกใน 3 ธุรกิจของไมเนอร์กรุ๊ป ประกอบด้วย ธุรกิจโรงแรม, ธุรกิจร้านอาหาร และธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์ พร้อมเตรียมงบลงทุนรวมในช่วง 5 ปีไว้ประมาณ 4-5 หมื่นล้านบาท เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตต่อเนื่องจาก 50 แบรนด์ธุรกิจที่มีอยู่ และการหาโอกาสที่จะเข้าไปควบรวบและซื้อกิจการ เพื่อสร้างเติบโตให้ได้มากขึ้น รวมถึงการสร้างผลกำไรให้ได้มากขึ้น

“ปีนี้ไมเนอร์กรุ๊ปครบรอบ 50 ปี มีธุรกิจทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ที่ผ่านมาถือว่าเป็นความสำเร็จการดำเนินธุรกิจระดับสากล และจากนี้จะมีความชัดเจนมากขึ้น โดยปีนี้การเข้าซื้อกิจการโรงแรมของเอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป ที่มีโรงแรมกว่า 380 แห่ง จำนวนห้องพักเกือบ 60,000 ห้องในยุโรป อเมริกา และแอฟริกา ด้วยเงินลงทุน 41,000 ล้านบาท ถือหุ้นในสัดส่วน 41% ส่งผลให้ไมเนอร์กรุ๊ปมีโรงแรมเพิ่มเป็น 549 แห่ง จำนวนห้องพักเพิ่มเป็น 80,000 ห้องทั่วโลก หรือมีโรงแรมใน 64 ประเทศ 5 ทวีป และมีแผนจะเข้าถือหุ้นเพิ่มเป็น 51-55% รอสรุปในไตรมาส 4 นี้ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนรวม 48,000 ล้านบาท ประกอบกับการมีร้านอาหาร 2,130 แห่ง และร้านค้า จุดจำหน่ายสินค้าแฟชั่นไลฟ์สไตล์ 429 แห่ง”

บริษัทตั้งเป้าหมายในช่วง 5 ปีต้องการขับเคลื่อนทุกธุรกิจให้เติบโต เพื่อผลักดันให้ผลกำไรเติบโต 15-20%ต่อปี ในขณะที่รายได้รวมเติบโต 12-15% ต่อปี สำหรับผลประกอบการปี 2560 บริษัทมีรายได้รวม 60,000 ล้านบาท มาจากธุรกิจโรงแรม 50% ร้านอาหาร 30-40% และธุรกิจจำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์ 7% แต่ในครึ่งปีแรกของปีนี้สัดส่วนรายได้จากธุรกิจโรงแรมเพิ่มขึ้นมา 55% จากการเข้าซื้อกิจการเอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป ธุรกิจร้านอาหาร เหลือ 38% และสินค้าไลฟ์สไตล์ 7%

โดยแนวโน้มธุรกิจในครึ่งปีหลังของปีนี้มีแนวโน้มที่ดีขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะในไตรมาสสุดท้ายของปี ซึ่งภาคการท่องเที่ยวไทยยังดีอยู่ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเป็นไปทิศทางที่ดี ส่งผลดีต่อธุรกิจโรงแรม รวมถึงในต่างประเทศที่เป็นช่วงไฮซีซั่นของฤดูกาลท่องเที่ยว ในขณะที่ธุรกิจร้านอาหาร ข่วงต้นปียอมรับว่าชะลอตัว แต่เชื่อว่าไตรมาสสุดท้ายเป็นฤดูกาลเฉลิมฉลอง ทำให้จะมีการจับจ่ายเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับธุรกิจสินค้าไลฟ์สไตล์ที่เห็นแนวโน้มที่ดีขึ้น หลังจากได้นำเข้าแบรนด์ใหม่ๆ ที่เป็นที่นิยมในตลาดไทย และเชื่อว่าช่วงปลายปีจะมีการซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทเตรียมพร้อมทั้งการขายสินค้าหน้าร้านหรือจุดจำหน่าย และการเพิ่มช่องทางการขายผ่านออนไลน์ ทำให้ทั้งปีเติบโตตามเป้าหมาย 12-15%

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน